ข้อบังคับ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย พุทธศักราช 2543 (แก้ไขเพิ่มเติม 5 มิถุนายน พ.ศ. 2557)

ข้อบังคับ

สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย

พุทธศักราช  2543

(แก้ไขเพิ่มเติม 5 มิถุนายน พ.ศ. 2557)

**************

หมวด  1   ข้อความทั่วไป ข้อ  1.  สมาคมนี้มีชื่อว่า   "สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย"   ใช้ชื่อย่อว่า   "สขนท."   เรียกชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า  " Thai  Journalists  Association"   และใช้ชื่อย่อภาษาอังกฤษว่า   "TJA" ข้อ 2  เครื่องหมายของสมาคมเป็นรูปนกพิราบและปากกา  มีข้อความชื่อสมาคมเป็นภาษาไทยและภาษาอังกฤษล้อม ข้อ 3  สำนักงานของสมาคมตั้งอยู่  ณ  อาคารเลขที่   538/1   ถนนสามเสน   แขวงดุสิต   เขตดุสิต  กรุงเทพมหานคร ข้อ  4  ข้อบังคับนี้แก้ไขเพิ่มเติมเมื่อวันที่  28  กุมภาพันธ์  พ.ศ. 2543    และให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่เจ้าพนักงานรับจดทะเบียนเป็นต้นไป หมวด 2  วัตถุประสงค์ ข้อ 5.  สมาคมนี้มีวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้ (1)  ปกป้องคุ้มครองสมาชิกของสมาคมผู้ปฏิบัติหน้าที่โดยชอบ (2)  ส่งเสริมและสนับสนุนการประกอบวิชาชีพนักข่าวและนักหนังสือพิมพ์ให้มีเสรีภาพในการแสวงหาข้อมูลข่าวสาร  การพิมพ์  การโฆษณา  และการแสดงออก  ส่งเสริมสิทธิการรับรู้ของประชาชนในระบอบประชาธิปไตย (3)  ผดุงไว้ซึ่งมาตรฐานอันดีงามของสมาชิกโดยให้ยึดจริยธรรมแห่งวิชาชีพและความรับผิดชอบเป็นหลักปฏิบัติอันสำคัญยิ่ง (4)  ส่งเสริมสวัสดิการและความสามัคคีระหว่างสมาชิก   ส่งเสริมการทำตนให้เป็นประโยชน์  ส่งเสริมการบำเพ็ญสาธารณกุศล  ส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือระหว่างเพื่อนร่วมวิชาชีพทั้งภายในและนอกประเทศ (5)  ส่งเสริมความเข้าใจอันดีระหว่างชนในชาติ  ความเข้า ใจอันดีระหว่างประเทศ  เพื่อยังสันติสุข  ภราดรภาพ  ความเคารพในสิทธิมนุษยชน  ตลอดจนความอยู่ดีกินดีให้เกิดขึ้นในโลก หมวด 3                  ประเภทและคุณสมบัติของสมาชิก ข้อ 6.  สมาชิกแบ่งออกเป็น  2 ประเภท   คือ ก. สมาชิกสามัญ  ได้แก่   ผู้ประกอบวิชาชีพหนังสือพิมพ์มาแล้วไม่น้อยกว่าสองปี  มีตำแหน่งและรายได้ประจำ  ทำงานอยู่ในกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ที่เสนอช่าวสารเป็นสาระสำคัญและพิมพ์ออกจำหน่ายต่อสาธารณชนเป็นประจำสม่ำเสมอ ข.  วิสามัญสมาชิก  ได้แก่ (1)  ผู้เคยมีคุณสมบัติตามข้อ  ก.  และได้พ้นตำแหน่งหน้าที่มาแล้ว  โดยมิได้ถูกลงโทษด้วยการภาคฑัณฑ์  ให้ออก  ปลดออกหรือไล่ออก  หรือถูกวินิจฉัยโดยองค์กรวิชาชีพว่าประพฤติผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพ (2)  ผู้ประกอบวิชาชีพสื่อสารมวลชนในฝ่ายข่าวของสถานีวิทยุกระจายเสียงสถานีวิทยุโทรทัศน์  หรือสื่อสารมวลชนประเภทอื่นที่เสนอข่าวต่อสาธารณชนสม่ำเสมอตามที่คณะกรรมการเห็นสมควร  และมีคุณสมบัติอื่นเหมือนสมาชิกสามัญโดยอนุโลม

(แก้ไขเพิ่มเติม 5 มิถุนายน พ.ศ. 2557)

(3) สมาชิกใหม่ ที่ได้รับความเห็นชอบและได้แสดงตัวต่อคณะกรรมการบริหาร ให้คงสถานะไว้เพียง 2 ปี เมื่อสมาชิกดังกล่าวได้แสดงตัวต่อที่ประชุมใหญ่สามัญประจำปี และได้รับการพิจารณาเห็นชอบจากที่ประชุมฯ แล้วจึงจะมีสถานะเป็นสามัญสมาชิก หมวด 4  หน้าที่และสิทธิของสมาชิก ข้อ 7.  สมาชิกมีหน้าที่รักษาผลประโยชน์และเกียรติคุณของสมาคมกับต้องสนับสนุนช่วยเหลือกิจกรรมของสมาคม  ชำระค่าบำรุงและค่าธรรมเนียมอื่น ตามที่คณะกรรมการบริหารสมาคมกำหนด  ปฏิบัติตามหลักจริยธรรมแห่งวิชาชีพและปฏิบัติตามข้อบังคับหรือระเบียบของสมาคมทุกประการ ข้อ 8.  สมาชิกมีสิ ทธิ (1)  เข้าร่วมประชุมและใช้สถานที่ของสมาคมตามระเบียบที่สมาคมกำหนด (2)  ประดับเครื่องหมายของสมาคมในโอกาสอันควร (3)  เสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับกิจกรรมของสมาคม (4)  ตรวจดูรายงานการประชุมของคณะกรรมการบริหารและบัญชีงบดุลของสมาคม (5)  ได้รับสวัสดิการและบริการต่าง ๆ  ที่สมาคมจัดขึ้น  ทั้งนี้เป็นไปตามระเบียบที่สมาคมกำหนด ข้อ 9.  สามัญสมาชิกมีสิทธิ (1)  เลือกและรับเลือกตั้งเป็นนายกและกรรมการบริหารสมาคม (2)  สมาชิกที่ได้ชำระค่าบำรุงติดต่อกันไม่ต่ำกว่าสามปี  เข้าชื่อกันจำนวนไม่น้อยกว่าห้าสิบคนให้คณะกรรมการบริหารจัดประชุมใหญ่วิสามัญโดยทำเป็นหนังสือยื่นต่อคณะกรรมการบริหาร  และในหนังสือนั้นจะต้องระบุด้วยว่าจะให้ประชุมพิจารณาญัตติเรื่องใด  เมื่อคณะกรรมการบริหารได้รับหนังสือแล้ว  ให้ตรวจสอบความถูกถ้วน  แล้วดำเนินการตามคำร้องขอภายในกำหนดสามสิบวัน นับแต่วันได้รับคำร้องขอ หมวด 5  สมาชิกภาพ ข้อ 10.  ผู้ประสงค์สมัครเป็นสมาชิกให้ยื่นใบสมัครตามแบบของสมาคมต่อเลขาธิการ เมื่อเลขาธิการได้รับใบสมัครแล้วให้ตรวจสอบคุณสมบัติและความถูกถ้วนก่อนเสนอต่อคณะกรรมการบริหารพิจารณาในการประชุมคราวถัดไป หากเลขาธิการเห็นว่าไม่สมควรรับผู้ใดเข้าเป็นสมาชิกให้แจ้งให้ผู้นั้นทราบโดยไม่ชักช้า  และให้ผู้นั้นมีสิทธิยื่นอุทธรณ์ต่อนายกสมาคมภายในกำหนดเวลาสิบห้าวัน  นับแต่วันที่ได้รับคำปฏิเสธและให้นายกสมาคมนำเรื่องเข้าหารือในการประชุมคณะกรรมการบริหารในคราวถัดไป มติในการรับสมาชิกจะต้องเป็นเอกฉันท์ เมื่อคณะกรรมการบริหารมีมติรับผู้ใดเป็นสมาชิกแล้ว    ให้ผู้นั้นไปแสดง ตัวต่อที่ประชุมใหญ่ของสมาคมตาม  ข้อ  29  พร้อมทั้งนำเงินค่าสมัครและค่าบำรุงมาชำระให้เสร็จสิ้น  จึงจะมีผลให้ผู้นั้นเป็นสมาชิกโดยสมบูรณ์ ข้อ 11.  สมาชิกภาพย่อมสิ้นสุดลงเมื่อ (1)  ตาย หรือสาบสูญตามคำสั่งของศาล (2)  ลาออก  โดยยื่นหนังสือลาออกต่อเลขาธิการ  และเลขาธิการได้รับหนังสือนั้นแล้ว (3)  เป็นบุคคลไร้ความสามารถ  เสมือนไร้ความสามารถ  หรือเป็นบุคคลล้มละลายตามคำสั่งศาล (4)  ถูกลบชื่อออกจากทะเบียน  ตามข้อ 12 ข้อ 12.  สมาชิกอาจถูกลบชื่อออกจากทะเบียนด้วยเหตุอย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้ (1)  ละเมิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพ  และสมาคมนี้  หรือสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวน  จนปรากฎความผิดชัดแจ้งปราศจากข้อสงสัยแล้ว (2)  ต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก  เว้นแต่เหตุที่ให้ต้องจำคุกนั้นเป็นความผิดอันเนื่องมาจากการปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับวิชาชีพโดยชอบ  ความผิดลหุโทษ  หรือความผิดที่ได้กระทำโดยประมาท (3)  ฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับของสมาคม  หรือประพฤติตนเป็นที่เสื่อมเสียแก่เกียรติศักดิ์แห่งวิชาชีพหรือกระทำการให้แกตสามัคคีในหมู่เพื่อร่วมวิชาชีพ (4)  ไม่ชำระค่าบำรุงติดต่อกันตั้งแต่สามปีขึ้นไป ข้อ 13.  กระบวนการลบชื่อสมาชิกออกจากทะเบียน  ให้เสนอเป็นญัตติโดยกรรมการบริหารจำนวนไม่น้อยกว่า ห้าคน  หรือโดยสมาชิกสมามัญที่ได้ชำระค่าบำรุงติดต่อกันไม่ต่ำกว่า สามปี จำนวนไม่น้อยกว่าสิบห้าคน ต่อคณะกรรมการบริหาร การลงมติให้ลบชื่อให้ลงคะแนนลับ   และต้องได้คะแนนไม่น้อยกว่าสามในสี่ของจำนวนกรรมการบริหารทั้งหมด   แต่ก่อนที่จะลงมติต้องให้โอกาสผู้ถูกกล่าวหาได้ชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อคณะกรรมการบริหารเว้นแต่ผู้ถูกกล่าวหาไม่มาชี้แจงโดยไม่แจ้งเหตุขัดข้องอันสมควร หมวด 6  การบริหารสมาคม ข้อ 14.  ให้มีกรรมการบริหารคณะหนึ่งจำนวนสิบห้าคน ประกอบด้วย  นายกสมาคมคนหนึ่ง  อุปนายกสมาคมจำนวนตามความจำเป็น  เลขาธิการ  เหรัญญิก  และนายทะเบียน  ตำแหน่งละหนึ่งคน กับกรรมการเจ้าหน้าที่อื่นตามที่เห็นสมควร ข้อ 15.  กรรมการบริหารพ้นจากตำแหน่งเมื่อ ก. ถึงคราวออกตามวาระ ข.  ตายหรือสาบสูญตามคำสั่งของศาล ค.  ลาออกโดยยื่นหนังสือต่อนายกสมาคมและนายกสมาคมได้รับหนังสือนั้นแล้ว ง.  ขาดจากสมาชิกภาพตาม  ข้อ 11 จ.  ขาดประชุมคณะกรรมการบริหารสามครั้ง ติดต่อกันโดยไม่แจ้งเหตุขัดข้องให้นายกสมาคมทราบ ข้อ 16.  คณะกรรมการบริหารมีหน้าที่และอำนาจดังต่อไปนี้ ก.  บริหารกิจการตามวัตถุประสงค์และข้อบังคับของสมาคม ข.  วางระเบียบและข้อบังคับต่าง ๆ  เพื่อดำเนินการตาม  ข้อ ก.  โดยไม่ขัดกับข้อบังคับนี้ ค.กำหนดตำแหน่งกรรมการเจ้าหน้าที่ตาม  ข้อ 14  วรรคหนึ่ง   และตั้งอนุกรรมการเพื่อดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งของสมาคม ง.  แต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิ  และผู้มีเกียรติคุณเป็นที่ปรึกษาสมาคม  โดยให้ที่ปรึกษาเข้าร่วมและออกความเห็นในการประชุม  แต่ไม่มีสิทธิออกเสียงลงคะแนน ข้อ 17.  กรรมการบริหารอยู่ในตำแหน่งสมัยละสิบสองเดือน  เริ่มต้นและสิ้นสุดในวันปรเชุมใหญ่สามัญประจำปี ในระหว่างที่คณะกรรมการบริหารชุดใหม่ยังไม่ได้รับตำแหน่งให้คณะกรรมการบริหารชุดเดิมปฏิบัติหน้าที่อันเป็นงานปกติไปพลางก่อน ข้อ 18.  คณะกรรมการบริหารต้องประชุมอย่างน้อยเดือนละหนึ่งครั้ง ในการประชุมต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการทั้งหมดจึงถือเป็นองค์ประชุม ให้นายกสมาคมเป็นประธานในที่ประชุม  ถ้านายกสมาคมไม่อยู่หรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้  ให้อุปนายกสมาคมเป็นประธานที่ประชุม  และถ้าอุปนายกสมาคมไม่อยู่หรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้  ให้ที่ประชุมเลือกกรรมการคนหนึ่งเป็นประธานในที่ประชุม ข้อ 19.  นายกสมาคม  เป็นผู้แทนสมาคมในการติดต่อกับบุคคลภายนอก นายกสมาคมมีหน้าที่อำนวยการบริหารกิจการของสมาคมให้เป็นไปตามข้อบังคับและวัตถุประสงค์ของสมาคม อุปนายกสมาคม  เป็นผู้ช่วยเหลือนายกสมาคม  ทำการแทนเมื่อนายกสมาคมไม่อยู่หรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้  หรือปฏิบัติงานตามที่นายกสมาคมมอบหมาย เลขาธิการ  มีหน้าที่เป็นผู้นัดประชุมคณะกรรมการบริหาร  นัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี  นัดประชุมใหญ่อื่น ๆ  บันทึกการประชุม  ดูแลรักษาเอกสารอื่นรวมทั้งทรัพย์สินต่าง ๆ  ของสมาคม  ติดต่อกับสมาชิกและปฏิบัติหน้าที่อย่างอื่นที่มิได้กำหนดให้เป็นหน้าที่ของผู้ใดผู้หนึ่งโดยเฉพาะ  นอกจากนี้  ยังมีหน้าที่ควบคุมดูแลจัดการกิจการของสมาคม  ควบคุมพนักงานเจ้าหน้าที่ของสมาคม  แต่การรับบุคคลเข้าทำงาน  หรือให้ออกจากงาน  เลขาธิการจะกระทำได้ต่อเมื่อได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการบริหาร เหรัญญิก  มีหน้าที่เก็บรักษาเงิน  ทำบัญชี, งบดุล  และดูแลผลประโยชน์อันเกี่ยวเนื่องกับเงินและทรัพย์สินอื่นของสมาคม นายทะเบียน  มีหน้าที่จัดทำและเก็บรักษาไว้ซึ่งทะเบียนของสมาชิกให้ตรงตามความเป็นจริง ข้อ 20.  เงินรายได้ทั้งหมดของสมาคมให้ฝากไว้ที่ธนาคารที่มีความมั่นคง  หรือซื้อตราสารทางการเงินที่ออกหรือรับรองโดยรัฐบาล  ทั้งนี้ให้เป็นไปตามมติของคณะกรรมการบริหาร การเบิกจ่ายเงินของสมาคมให้นายกสมาคม  เลขาธิการและเหรัญญิกของสมาคม  ลงลายมือชื่อร่วมกันและประทับตราของสมาคมเป็นสำคัญ ข้อ 21.  นายกสมาคมมีอำนาจสั่งจ่ายเงินได้ไม่เกินครั้งละหนึ่งหมื่นบาท  หรือรวมแล้วไม่เกินสองหมื่นบาทภายในหนึ่งเดือน  หากจำเป็นต้องใช้จ่ายเงินเกินกว่านี้ต้องได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการบริหาร การอนุมัติจ่ายเงินทุกครั้งตามวรรคหนึ่ง  นายกสมาคมต้องแจ้งให้คณะกรรมการบริหารทราบในการประชุมคราวถัดไป ข้อ 22.  เหรัญญิกมีอำนาจสั่งจ่ายเงินได้ไม่เกินครั้งละห้าพันบาท  หรือรวมแล้วไม่เกินหนึ่งหมื่นบาทภายในเวลาหนึ่งเดือนเหรัญญิกจะเก็บเงินสดไว้ได้ไม่เกินห้าพันบาท เหรัญญิกต้องจัดทำงบดุลแสดงฐานะการเงินของสมาคมทุกเดือนปิดแสดงไว้ ณ ที่ทำการสมาคมและต้องทำงบดุลทุกวันที่ 31 ธันวาคม   เพื่อนำเสนอต่อที่ประชุมใหญ่สามัญประจำปี หมวด  7 การเลือกตั้งนายกและกรรมการบริหารสมาคม ข้อ 23.  นายกสมาคมและกรรมการบริหารให้เลือกตั้งจากที่ประชุมใหญ่สามัญประจำปี  โดยที่ประชุมเลือกสามัญสมาชิกจำนวนห้าคนขึ้นทำหน้าที่เป็นคณะกรรมการเลือกตั้ง ให้สามัญสมาชิกเสนอชื่อผู้ที่อยู่ในที่ประชุมผู้สมควรดำรงตำแหน่งนายกสมาคมจากสามัญสมาชิกด้วยกันต่อคณะกรรมการเลือกตั้ง  โดยมีสามัญสมาชิกรับรองอย่างน้อยห้าคน  การเลือกตั้งให้กระทำโดยให้สามัญสมาชิกลงคะแนนลับ  ผู้ได้คะแนนสูงสุดเป็นผู้ได้รับเลือกเป็นนายกสมาคมถ้าได้คะแนนเท่ากัน  ให้ใช้วิธีจับสลาก ผู้ใดจะดำรงตำแหน่งนายกสมาคมติดต่อกันเกินกว่าสองสมัยไม่ได้ การเลือกตั้งกรรมการบริหารสมาคม  ให้สามัญสมาชิกเสนอชื่อสามัญสมาชิกผู้ที่อยู่ในที่ประชุมผู้ที่สมควรเป็นกรรมการจากหนังสือพิมพ์ที่สามัญสมาชิกสังกัดฉบับละไม่เกินสองคน  โดยมีสามัญสมาชิกรับรองอย่างน้อยห้าคน และเลือกตั้งโดยให้สามัญสมาชิกลงคะแนนลับ  ผู้ได้คะแนนสูงสุดตั้งแต่อันดับหนึ่งถึงอันดับสิบสี่  ถือว่าเป็นผู้ได้รับเลือกตั้งเป็นกรรมการบริหาร  ถ้าได้คะแนนเท่ากันให้ใช้วิธีจับสลาก ผู้ได้รับคะแนนรองลงมาให้เป็นสำรองกรรมการและให้เลื่อนขึ้นมาเป็นกรรมการแทนเมื่อกรรมการผู้ได้รับเลือกตั้งพ้นจากหน้าที่ตาม  ข้อ 15  โดยให้กรรมการที่เข้ามาแทนอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของคนที่ตนแทน กรรมการบริหารที่ไม่ใช่นายกสมาคมจะดำรงตำแหน่งติดต่อกันเกินกว่าสามสมัยไม่ได้ ให้คณะกรรมการบริหารชุดที่สิ้นสุดลงตามวาระมอบงานให้คณะกรรมการบริหารชุดใหม่ภายในเวลาสามสิบวันนับแต่วันที่ได้ดำเนินการตามวรรคหนึ่งเรียบร้อยแล้ว หมวด 8  การควบคุมความประพฤติของสมาชิก ข้อ  24.  จริยธรรมของวิชาชีพตาม  ข้อ 7  ที่สมาชิกทุกคนต้องยึดถือปฏิบัติได้แก่ (1)  ส่งเสริมและรักษาไว้ซึ่งเสรีภาพของการเสนอข่าวและความคิดเห็น (2)  ให้ประชาชนได้ทราบข่าวเฉพาะที่เป็นจริง  การเสนอข่าวสารใด ๆ ออกพิมพ์โฆษณาเผยแพร่  ถ้าปรากฎว่าไม่ตรงต่อความเป็นจริง  ต้องรีบจัดการแก้ไขให้ถูกต้องโดยเร็ว (3)  ในการได้มาซึ่ง  ข่าว  ภาพ  หรือข้อมูลอื่นใด  มาเป็นของตน  ต้องใช้วิธีการที่สุภาพและซื่อสัตย์เท่านั้น (4)  เคารพในความไว้วางใจของผู้ให้ข่าว  และรักษาไว้ซึ่งความลับของแหล่งข่าว (5)  ปฏิบัติหน้าที่ของตน  โดยมุ่งหวังต่อสาธารณประโยชน์  ไม่ใช้ตำแหน่งหน้าที่แสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัว  หรือหมู่คณะโดยไม่ชอบธรรม (6)  ไม่กระทำการอันเป็นการบั่นทอนเกียรติคุณของวิชาชีพ  หรือความสามัคคีของเพื่อนร่วมวิชาชีพ ข้อ  25.  ให้ที่ประชุมใหญ่สามัญประจำปี   เลือกคณะกรรมการควบคุมจริยธรรมวิชาชีพ  จากสามัญสมาชิกผู้มีความประพฤติดีขึ้นคณะหนึ่ง  มีจำนวนไม่เกินห้าคน  ที่มีคุณสมบัติเช่นเดียวกับบุคคลในข้อ 9 (2) และให้ใช้วิธีการเลือกตั้งเช่นเดียวกับการเลือกตั้งนายกและกรรมการบริหารโดยอนุโลม ข้อ  26.  คณะกรรมการควบคุมจริยธรรมมีอำนาจหน้าที่ (1)  สอดส่องและควบคุมความประพฤติของสมาชิกให้เป็นไปตามข้อบังคับและจริยธรรมของวิชาชีพ (2)  สอบสวนสมาชิกที่ถูกกล่าวหาว่าประพฤติผิดจริยธรรม  เมื่อได้รับคำขอจากคณะกรรมการบริหาร (3)  สอบสวนคุณสมบัติ  และความประพฤติของผู้สมัครเป็นสมาชิกใหม่ตามที่คณะกรรมการบริหารร้องขอ ในกรณีที่คณะกรรมการควบคุมจริยธรรมวิชาชีพดำเนินการสอบสวนแล้ว  ให้เสนอความเห็นเป็นลายลักษณ์อักษรต่อคณะกรรมการบริหารเพื่อดำเนินการต่อไป ข้อ  27  คณะกรรมการควบคุมจริยธรรมมีวาระการดำรงตำแหน่งเท่ากับอายุของคณะกรรมการบริหารในปีนั้น หมวด  9                 การประชุมใหญ่ ข้อ  28.  การประชุมใหญ่ของสมาคมมีได้  2 กรณี คือ (1)  การประชุมใหญ่สามัญ (2)  การประชุมใหญ่วิสามัญ ข้อ 29 ให้มีการประชุมใหญ่สามัญปีละหนึ่งครั้งภายในวันที่ 5 มีนาคม เพื่อ (1) ให้คณะกรรมการบริหารแถลงผลงานในรอบปี (2) ให้ผู้สมัครสมาชิกใหม่แสดงตัวต่อที่ประชุมใหญ่ (3) รับรองงบดุลประจำปี (4) ตั้งผู้ตรวจสอบบัญชี / ที่ปรึกษากฎหมาย (5) เลือกตั้งนายกสมาคมและกรรมการบริหาร (6) เลือกตั้งกรรมการควบคุมจริยธรรม (7) เรื่องอื่น ๆ ข้อ 30 การประชุมใหญ่วิสามัญกระทำได้เมื่อ (1) คณะกรรมการบริหารเห็นสมควรเมื่อมีปัญหาที่จะต้องหารือ หรือให้ที่ประชุมใหญ่วินิจฉัย (2) สามัญสมาชิกจำนวนไม่น้อยกว่าห้าสิบคนร้องขอให้เรียกประชุมตาม ข้อ 9 (2) ข้อ 31 การประชุมใหญ่ตาม ข้อ 29 และ 30 ต้องมีสามัญสมาชิกมาประชุมไม่น้อยกว่าหนึ่งในสามของจำนวนสามัญสมาชิกทั้งหมด หรือจำนวนไม่น้อยกว่าห้าสิบคนจึงจะเป็นองค์ประชุม ข้อ 32 การนัดประชุมใหญ่ตาม ข้อ 29 และ 30 ให้เลขาธิการแจ้งให้สมาชิกทราบล่วงหน้าเป็นหนังสือไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน และให้ปิดประกาศไว้ ณ ที่ทำการสมาคม หมวด 10 การเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อบังคับ ข้อ 33 การเปลี่ยนแปลงแก้ไขหรือเพิ่มเติมข้อบังคับนี้จะกระทำได้โดยมติของที่ประชุมใหญ่และมติให้แก้ไขข้อบังคับต้องมีคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสองในสามของจำนวนสมาชิกที่มาประชุม ข้อ 34 ญัตติขอเปลี่ยนแปลงแก้ไขหรือเพิ่มเติมข้อบังคับต้องมาจากคณะกรรมการบริหารหรือมาจากสามัญสมาชิกที่ได้ชำระค่าบำรุงติดต่อกันไม่ต่ำกว่าสามปีจำนวนไม่น้อยกว่าห้าสิบคน โดยให้ทำเป็นหนังสือและให้เลขาธิการทำสำเนาแจกจ่ายแก่สมาชิกก่อนการประชุมไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน ให้เรียกประชุมใหญ่วิสามัญภายในกำหนดสามสิบวันนับแต่วันที่เลขาธิการได้รับญัตติดังกล่าว ข้อ 35 ให้เลขาธิการนำข้อบังคับที่แก้ไขหรือเพิ่มเติมนั้นไปจดทะเบียนต่อเจ้าพนักงานภายในสิบห้าวันนับแต่ที่ประชุมใหญ่มีมติให้เปลี่ยนแปลงแก้ไข หมวด 11 การเลิกสมาคม ข้อ 36 สมาคมเลิก โดย (1) ที่ประชุมใหญ่สามัญมีมติให้เลิก ในการประชุมให้เลิกสมาคมนั้นต้องมีสามัญสมาชิกไปประชุมไม่น้อยกว่าสองในสามของจำนวนสมาชิกทั้งหมด (2) เลิกตามกฎหมาย ข้อ 37 เมื่อสมาคมต้องเลิกไปไม่ว่าโดยสาเหตุใดๆ ให้ทรัพย์สินของสมาคมตกเป็นขององค์กรที่เกี่ยวกับวิชาชีพหนังสือพิมพ์ ตามมติของที่ประชุมใหญ่ หมวด 12  บทเฉพาะกาล ข้อ 38 ให้ผู้ที่เป็นสมาชิกสามัญหรือสมาชิกวิสามัญของสมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทย และไม่ขาดคุณสมบัติตามข้อบังคับของสมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทย เป็นสมาชิกของสมาคมแต่ละประเภทโดยอัตโนมัติ  มีสิทธิและหน้าที่ตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับนี้เท่าที่จะพึงมีพึงได้ทุกประการ ข้อ 39 ผู้ที่ดำรงตำแหน่งนายกสมาคมและคณะกรรมการบริหารมาก่อนที่ข้อบังคับนี้จะมีผลใช้บังคับ ไม่ตกอยู่ในบทบังคับแห่ง ข้อ 23 ว่าด้วยข้อห้ามการดำรงตำแหน่ง ข้อ 40 ในวาระเริ่มแรก หลังจากจดทะเบียนแก้ไขข้อบังคับแล้ว ให้ดำเนินการเลือกตั้งตาม ข้อ 14 ภายในกำหนดเวลาสามสิบวัน