การประกวดบทความเรื่อง สื่อเสรีจะร่วมสร้างสันติภาพได้อย่างไร-รางวัลที่ 1

รางวัลที่ 1
การประกวดบทความเรื่อง สื่อเสรีจะร่วมสร้างสันติภาพได้อย่างไร
เนื่องในโอกาสวันเสรีภาพสื่อมวลชนโลก 3 พฤษภาคม 2553
โดย นางสาวรุ่งอรุณ รุ่งทองคำกุล

      ทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้นในสังคม พิราบขาวอย่างฉันบินลอยลมเฝ้าชมเหตุการณ์นั้นจากท้องฟ้า มีคนเปรียบว่าฉันเป็นสัญลักษณ์ของผู้ทำหน้าที่สื่อมวลชน แต่นั่นก็ทำให้ภูมิใจเท่ากับที่เขาเปรียบฉันว่าเป็นสัญลักษณ์แห่ง “สันติภาพ’’
      ฉันจำได้ว่า เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2549 ฉันบินผ่านไปที่ราชดำเนิน เห็นคนไทยหลายแสนคนใส่เสื้อสีเหลืองมารวมกัน วันนั้นเป็นวันที่ท้องฟ้าแจ่มใสของฟ้าเบื้องบนตัดกับสีเหลืองจากเสื้อของฝูงชน ฉันได้ยินคนไทยพร้อมใจเปล่งเป็นเสียงเดียวกันว่า’’ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ’’ ดังกึกก้อง ความสามัคคีของคนเบื้องล่างทำให้ฉันขนลุกสะท้านไปทั้งตัว
      หลังจากนั้นไม่นาน ฉันบินผ่านบริเวณนั้นอีกครั้ง เห็นคนใส่เสื้อสีเหลืองจำนวนมากมายรวมตัวกันเหมือนครั้งก่อน จะต่างกันอยู่บ้างก็ตรงที่ว่าคราวนี้ไม่มีเสียงที่ทำให้ฉันรู้สึกอิ่มเอิบใจอีกแล้ว คงมีเพียงเสียงก่นด่า ต่อว่ากันผ่านไมโครโฟน ต่อมาก็มีคนใส่เสื้อสีแดงมารวมกันอีกกลุ่มหนึ่งทำแบบเดียวกับคนใส่เสื้อสีเหลืองเหตุการณ์นั้นทำให้หัวใจของฉันเต้นรัว ไม่ใช่เพราะฉันรู้สึกร่วมไปกับพวกเขา แต่เป็นเพราะฉันจะได้เฝ้าดูเหตุการณ์ประวัติศาสตร์อีกครั้งและทำหน้าที่เก็บเกี่ยวเรื่องราวเหล่านั้นมาเล่าสู่กันฟังต่อไป
      หากถามฉันว่าฉันจะไปยุ่งอะไรกับพวกเขาหรือ ฉันเป็นแค่นกบินอยู่บนท้องฟ้า ฉันลอยตัวอยู่เหนือปัญหา  ทุกอย่างที่เกิดขึ้นอยู่เบื้องล่าง ไม่ว่าใครจะใส่เสื้อสีไหนหรือทำอะไร ฉันก็ยังบินเฝ้าดูอยู่เหนือเหตุการณ์ต่อไป ฉันคงบอกไม่ได้ว่าใครถูกหรือผิด ทำได้เพียงคิดพิเคราะห์ในใจ และเล่าให้ฟังได้เฉพาะ’’สิ่งที่ฉันเห็น’’ ไม่ใช่ ’’สิ่งที่ฉันคิดเห็น’’
      ฉันบินไปมาเฝ้าดูเหตุการณ์อย่างเสรี ฉันเคยได้ยินเขาพูดกันว่า ‘’สื่อมวลชนมีเสรีภาพในการนำเสนอข่าว’’บางคนก็พูดว่า ’’หากปล่อยให้ใครเข้ามาแทรกแซง จะกระทบต่อเสรีภาพของมวลชน’’ ฉันจึงเข้าใจว่าสื่อมวลชนก็มีเสรีภาพเช่นเดียวกัน ไม่ต้องถูกครอบงำหรือถูกพันธนาการทางความคิด แต่ฉันไม่รู้ว่าเสรีภาพของสื่อมวลชนจะเหมือนกับเสรีภาพของฉันหรือเปล่า เพราะเสรีภาพของฉันไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน ฉันคิดว่าสื่อมวลชนที่มีเสรีภาพในการทำงานก็ต้องมีหน้าที่เคารพสิทธิเสรีภาพของคนอื่นและต้องไม่ทำให้คนอื่นเขาเดือดร้อนเหมือนกัน เพราะเสรีภาพนั้นต้องมาพร้อมหน้าที่เคารพสิทธิของผู้อื่นเสมอ
      ฉันบินไปมาและเล่าเหตุการณ์ที่พบเห็นอย่างอิสระ แต่ฉันไม่ได้ทำตามอำเภอใจ ฉันได้ยินคนเขาใช้คำว่า “อิสระ’’ กับคำว่า ’’อำเภอใจ’’ เป็นการกระทำเพื่อประโยชน์ของบุคคลใดหรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ไม่ว่าจะเพื่อผลประกอบการขององค์กร เพื่อประโยชน์ของพวกพ้อง หรือแม้แต่เพื่อรักษาไว้ซึ่งตำแหน่งหน้าที่การงานของตนเอง แต่ที่ฉันบอกว่าฉันมีอิสระ เพราะฉันไม่สนประโยชน์ของใคร ฉันถามแต่ใจของตัวเองว่าฉันมีอิสระจากอคติหรือไม่
       ‘’อคติ’’ เป็นความลำเอียง ไม่ว่าจะเป็นฉันทาคติ คือลำเอียงเพราะความรัก โทสาคติ คือลำเอียงเพราะความโกรธ โมหาคติ คือลำเอียงเพราะความเขลาเบาปัญญา หรือภยาคติ คือลำเอียงเพราะความกลัว
       ฉันทำหน้าที่ของฉันอย่างอิสระ ไม่มีอคติ ฉันบินอยู่เหนือปัญหา ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างใดกับกลุ่มคนที่ใส่เสื้อสีต่างกัน ฉันเห็นอะไรมาก็เล่าให้ฟังไปตามนั้น ฉันหาโอกาสที่จะมองเห็นจากมุมของทุกฝ่าย และจะเล่าสิ่งที่เห็นจากทุกมุมอย่างเท่าเทียมกันด้วย
 ฉันทำหน้าที่อย่างมีเป้าหมาย เพราะฉันต้องการเติบโต ต้องการอาหาร ต้องการรังที่อบอุ่น ฉันคิดว่าทุกคนบนโลกก็ต้องการเหมือนกันฉัน อยากเห็นเศรษฐกิจดี อยากอยู่ในบ้านเมืองที่สงบสุข ทุกคนก็ควรจะทำหน้าที่เพื่อเป้าหมายด้วย สื่อมวลชนในฐานะเป็นคนกลางส่งผ่านข้อมูลข่าวสารไปยังประชาชนก็ต้องทำหน้าที่โดยมีเป้าหมายเช่นกัน เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารที่ครบถ้วนถูกต้อง ประชาชนจึงเป็นเป้าหมายสำคัญในการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน คำว่า ”ประชาชน” ในที่นี้น่าจะหมายถึงประชาชนทุกคน ไม่ใช่แค่ประชาชนคนใดหรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง
  ฉันภูมิใจที่เป็นพิราบขาว เพราะสีขนของฉันขาวปลอดทั้งตัว ฉันไม่มีสีที่แต่งแต้มให้ผิดไปจากความขาวบริสุทธิ์ ฉันคิดว่าสื่อมวลชนทุกคนก็คงทำหน้าที่ด้วยใจบริสุทธิ์เป็นกลาง เพราะเป็นหนทางที่จะทำให้เขาภาคภูมิใจในวิชาชีพสื่อ
 ในสมัยที่เทคโนโลยียังไม่ก้าวหน้าเหมือนปัจจุบัน บรรพบุรุษของฉันเคยได้รับความไว้วางใจจากมนุษย์ให้ส่งข่าวสารระหว่างกัน เพราะไม่ว่าใครจะส่งข่าวสารไปอย่างไร บรรพบุรุษของฉันก็จะนำข่าวสารไปถึงผู้รับอย่างถูกต้องครบถ้วน แม้จะต้องบินฝ่าท่ามกลางสมรภูมิรบ สื่อมวลชนเองก็ต้องทำหน้าที่เหมือนกับบรรพบุรุษของฉันเป็นแน่ เขาจึงเปรียบให้ฉันเป็นสัญลักษณ์ของสื่อมวลชน
 ฉันเชื่อว่าการทำหน้าที่ส่งผ่านข้อมูลข่าวสารอย่างครบถ้วนถูกต้องและเป็นการเป็นไปถึงประชาชน ย่อมทำให้ประชาชนเข้าใจสถานการณ์และรู้ถึงปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างถ่องแท้ เพื่อให้การเข้ามามีส่วนร่วมของภาคประชาชนในการแก้ปัญหาเป็นไปในทางที่จะก่อให้เกิดสันติภาพและความสงบสุขของบ้านเมือง มากกว่าจะสร้างความขัดแย้งให้ทวีความรุนแรง เพราะประชาชนจะตระหนักและเข้าใจ ได้อย่างถูกต้องว่าปัญหาอยู่ตรงไหนและจะแก้ปัญหาที่จุดใด หากข้อมูลข่าวสารที่ส่งถึงประชาชนมีความเอนเอียง ย่อมก่อให้เกิดความไม่พอใจของประชาชนอีกฝ่ายหนึ่งที่เห็นว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ถูกต้องไม่ชอบธรรม และย่อมไม่มีทางที่สันติภาพจะเกิดขึ้นได้ในสังคม
      สันติภาพเป็นเสาหลักค้ำบ้านเมืองให้ร่มเย็นเป็นสุข ที่ใดมีสันติภาพ ความสามัคคีย่อมเกิดขึ้น และความสามัคคีจะเป็นพลังในการร่วมกันผลักดันพัฒนาบ้านเมืองให้เจริญก้าวหน้าต่อไป
       ฉันภูมิใจที่ได้เป็นสัญลักษณ์ของสื่อมวลชน ภูมิใจที่เป็นสัญลักษณ์ของสันติภาพ แต่ฉันคงไม่กล้าบอกใครว่าตัวฉันเป็นสันติภาพ หากแต่เพียงเป็นกลไกหนึ่งที่จะช่วยสร้างสันติภาพให้เกิดขึ้นในสังคม ฉันจะทำหน้าที่ของฉันอย่างมีอิสระและเป็นกลางต่อไปเพื่อเป้าหมายของฉันนั่นคือ ’’สันติภาพของบ้านเมือง’’