แถลงการณ์วันเสรีภาพสื่อมวลชนโลก 3 พฤษภาคม 2559

แถลงการณ์วันเสรีภาพสื่อมวลชนโลก 3 พฤษภาคม 2559

“ถูกต้อง รอบด้าน หลักประกันเสรีภาพ”

……………………………………………

 

สถานการณ์สื่อมวลชนไทยนับตั้งแต่เกิดรัฐประหารเมื่อ 22 พฤษภาคม 2557 แม้รัฐบาลภายใต้การนำของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้กำหนดในมาตรา 4 แห่งรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว พ.ศ.2557 ให้ความคุ้มครองสิทธิ เสรีภาพประชาชนตามประเพณีการปกครองประเทศไทย ในระบอบประชาธิปไตยฯ และตามพันธกรณีระหว่างประเทศที่มีอยู่  แต่ในทางปฏิบัติกลับมีการออกคำสั่งคสช.หลายฉบับ ที่มีเนื้อหาจำกัดสิทธิเสรีภาพ  ควบคุมสื่อมวลชนในการนำเสนอข้อมูลข่าวสาร อาทิ ประกาศ คสช.ฉบับที่ 97/2557  ประกาศ คสช.ฉบับที่ 103/2557 และ คำสั่ง คสช.ฉบับที่ 3/2558 ข้อ 5 รวมถึงล่าสุดประกาศ คสช. ฉบับที่ 13/2559 ที่ขยายอำนาจให้ทหารเป็นพนักงานสอบสวน  รวมทั้งความพยายามออกชุดกฎหมายเศรษฐกิจดิจิทัลโดยเฉพาะ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ เพิ่มอำนาจให้เจ้าหน้าที่ ซึ่งล้วนสุ่มเสี่ยงต่อการลิดรอนเสรีภาพประชาชนมากยิ่งขึ้น

 

นอกจากนั้น รัฐบาล คสช.ยังใช้อำนาจที่กระทบต่อสิทธิของประชาชน เข้าควบคุมการทำหน้าที่สื่อมวลชนในหลายรูปแบบ อาทิ การเรียกสื่อมวลชนไปปรับทัศนคติเรียกประชุมตัวแทนสื่อมวลชนแขนงต่างๆ หลายครั้ง เพื่อให้ปฏิบัติตามคำสั่งคสช.อย่างเคร่งครัด หากฝ่าฝืนจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย เป็นต้น  ส่งผลให้สถานการณ์เสรีภาพสื่อฯ ในปี 2558 ที่ผ่านมาถดถอยลงอย่างต่อเนื่อง สะท้อนได้จากการที่องค์กรนักข่าวไร้พรมแดนลดอันดับเสรีภาพสื่อมวลชนไทยจากอันดับ 130 ในปี 2557 ไปสู่อันดับที่ 134 ในปี 2558 และอันดับที่ 136 ในปี 2559

 

ขณะที่การปฏิรูปสื่อมวลชนที่เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามปฏิรูปประเทศในทุกด้าน ในเบื้องต้นสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ได้จัดทำแผนปฏิรูปสื่อมวลชน  3 ด้าน  ได้แก่ “เสรีภาพสื่อมวลชนบนความรับผิดชอบ  การกำกับดูแลสื่อมวลชนที่มีประสิทธิภาพและการป้องกันการแทรกแซงสื่อ” แต่เมื่อส่งมอบให้สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ดำเนินการต่อ กลับไร้การสานต่อ ไม่มีความคืบหน้าที่ชัดเจนอย่างเป็นรูปธรรม

 

ท่ามกลางบรรยากาศการปฏิรูปประเทศด้วยความคาดหวังให้เปลี่ยนผ่านการปกครองในระบอบประชาธิปไตยของประเทศไทยดีขึ้น  แต่เสรีภาพของสื่อมวลชนไทยกลับถูกลดทอนลงอย่างมีนัยสำคัญ จนตกอยู่ในภาวะที่เรียกได้ว่า “มืดมน”

 

สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยและสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย มีความห่วงใยต่อสถานการณ์ดังกล่าวอย่างมาก

 

ในโอกาสวันเสรีภาพสื่อมวลชนโลก  จึงขอเสนอข้อเรียกร้องต่อผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนดังต่อไปนี้

 

1. ขอให้รัฐบาล คสช.เร่งยกเลิกกฎหมายที่จำกัดสิทธิเสรีภาพสื่อฯ ทั้ง ประกาศ คสช.ฉบับที่ 97/2557 ประกาศ คสช. ฉบับที่ 103/2557 และ คำสั่ง ฉบับที่ 3/2558 ข้อ 5 โดยเร็ว กลับไปใช้กฎหมายปกติกรณีที่พบสื่อละเมิดกฎหมาย ทั้งนี้เพื่อสร้างพื้นที่ปลอดภัยจากคำสั่งทางความมั่นคง เปิดให้ประชาชนกลุ่มต่างๆ ได้แสดงความคิดเห็นซึ่งจะส่งผลดีต่อภาพลักษณ์ด้านสิทธิเสรีภาพของประเทศ

 

พร้อมกันนี้ขอให้สร้างหลักประกันเสรีภาพในการนำเสนอข้อมูลข่าวสารได้อย่างถูกต้อง รอบด้าน ให้สื่อมวลชนได้เปิดพื้นที่ให้ทุกฝ่ายได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็น เพื่อแสวงหาทางออกร่วมกันอย่างสร้างสรรค์ ด้วยเชื่อว่าข่าวสารที่มีข้อมูลถูกต้อง รอบด้านจะเป็นทางออกของประเทศให้ก้าวข้ามพ้นวิกฤติความขัดแย้งไปได้ รัฐจึงไม่ควรผูกขาดการนำเสนอข่าวด้านเดียว หรือควบคุม แทรกแซงให้สื่อฯ เกิดความหวาดกลัวต่อการนำเสนอข่าวสาร

 

2. ขอให้สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศที่จะพิจารณาเรื่องการปฏิรูปสื่อ ได้คำนึงถึงกรอบที่ สปช.ได้ทำไว้ โดยสมควรมีแนวทางสนับสนุนให้เกิดนโยบายและกฎหมายที่ส่งเสริมให้เกิดระบบกลไกในการกำกับดูแลกันเองของสื่อมวลชนที่ดีและมีประสิทธิภาพ เพื่อสนับสนุนให้สื่อมวลชนสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีเสรีภาพบนความรับผิดชอบ  และต้องสนับสนุนนโยบายให้เกิดการจัดทำกฎหมายเพื่อป้องกันการแทรกแซงสื่อไม่ว่าจะโดยอำนาจรัฐหรืออำนาจทุน ไปพร้อมกับการให้ความสำคัญและสนับสนุนให้ประชาชนรู้เท่าทันสื่อมวลชนอย่างทั่วถึงด้วย

 

ส่วนการออกกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสื่อมวลชน  ซึ่งอยู่ในชั้นการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ อันอาจส่งผลกระทบต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชน เช่น ร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ หนึ่งในชุดกฎหมายเศรษฐกิจดิจิทัล ที่กำลังแก้ไขเพิ่มเติมอำนาจให้เจ้าหน้าที่จับกุมผู้กระทำความผิดบนโลกออนไลน์นั้น  พบว่า ตลอด 9 ปีที่ผ่านมา กฎหมายฉบับนี้ส่งผลกระทบต่อสิทธิเสรีภาพการแสดงความคิดเห็นบนโลกออนไลน์อย่างมาก สนช.จึงควรพิจารณาด้วยความรอบคอบ เพื่อไม่ให้กฎหมายดังกล่าวยิ่งส่งผลกระทบต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชนมากจนเกินสมควร

 

นอกจากนั้น ในส่วนของร่าง พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม (กสทช.) ที่กำลังมีการเสนอแก้ไขกฎหมายอยู่ใน สนช.ก็ขอให้คำนึงถึงหลักการที่ให้ประชาชนมีหลักประกันว่าการจัดสรรคลื่นความถี่จะต้องเป็นไปเพื่อประโยชน์ต่อสาธารณะ  กสทช. จะต้องเป็นองค์กรอิสระทางปกครอง มิใช่เป็นอิสระเฉพาะในการปฏิบัติหน้าที่

 

ส่วนกระบวนการสรรหาคณะกรรมการ กสทช. ต้องมาจากผู้มีความรู้ความเข้าใจในการประกอบกิจการและเกิดจากการมีส่วนร่วมของผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายอย่างโปร่งใส เป็นธรรม คุณสมบัติของกรรมการ กสทช.จะต้องมีตัวแทนกลุ่มผู้เกี่ยวข้องต่างๆ ที่หลากหลาย รวมถึงองค์กรคุ้มครองสิทธิผู้บริโภค องค์กรผู้ประกอบวิชาชีพสื่อฯ และนักวิชาการ มิใช่มีเพียงตัวแทนหน่วยงานรัฐเท่านั้น

 

3. ขอให้ผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนและผู้ประกอบธุรกิจสื่อมวลชนทุกแขนงตระหนักถึงการให้ความสำคัญในการทำหน้าที่เสนอข้อมูลข่าวสารอย่างถูกต้อง ครบถ้วน รอบด้าน ซึ่งจะเป็นหลักประกันต่อเสรีภาพ ทั้งขอให้เพิ่มพูนความรู้บุคคลากรสื่อเพื่อสนับสนุนความสามารถในการทำหน้าที่อย่างมืออาชีพ เคารพต่อหลักจริยธรรม  ไม่นำเสนอข่าวหรือภาพข่าวที่เป็นการละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์  รวมทั้งควรสนับสนุนให้เกิดระบบและกลไกกำกับดูแลกันเองที่มีประสิทธิภาพ ด้วยการให้ความร่วมมือและยอมรับคำวินิจฉัยขององค์กรวิชาชีพสื่อ ทั้งหมดนี้เพื่อสร้างให้สังคมเชื่อมั่นและเชื่อถือตัวสื่อเอง

 

4. ขอให้ประชาชนคิดก่อนแชร์ ก่อนโพสต์ภาพข่าวหรือข่าวสารใดๆ โดยยึดหลักความจริง ถูกต้อง หากไม่ตรวจสอบข้อมูลที่ถูกต้องก่อนแชร์ ก่อนโพสต์ อาจเข้าข่ายกระทำผิดกฎหมายมีโทษรุนแรงและสร้างความเสียหายต่อผู้ตกเป็นข่าว  ทั้งขอให้ติดตามข่าวสารและช่วยกันเฝ้าระวังตรวจสอบสื่อมวลชน ไม่ละเลยเพิกเฉยและยินยอมตกเป็นผู้รับสารเพียงฝ่ายเดียว  ควรร่วมปฏิสัมพันธ์และแสดงความคิดเห็นอย่างกว้างขวางเมื่อพบสื่อมวลชนที่ไม่ทำตามหลักจริยธรรม เพื่อเป็นกระจกสะท้อนให้สื่อฯ ต้องทบทวนบทบาทหน้าที่และทำในสิ่งที่ถูกต้อง คือการยึดมั่นอยู่ในอุดมการณ์และจริยธรรมให้ได้ในที่สุด

 

สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ในวาระวันเสรีภาพสื่อมวลชนโลกปีนี้ จะเป็นนิมิตรหมายที่ดีที่สื่อมวลชนไทยจะได้รับการสนับสนุนให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ด้วยความ “ถูกต้อง รอบด้าน และได้รับหลักประกันเสรีภาพ” เพื่อร่วมกันผลักดันการปฏิรูปประเทศไทยไปในทิศทางที่ถูกต้อง

 

สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย

 

สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย

 

3 พฤษภาคม 2559

www.tja.or.th