โฆษกสมาคมนักข่าวแถลงล่าสุด ต่อท่าทีของ คณิต ยืนยันขอให้ถอนร่าง เพราะที่ผ่านมาคณิตพลิกบ่อยครั้ง ไม่น่าเชื่อถือ ซ้ำตัวร่างกฎหมายยังคงผิดหลักการเสรีภาพของการกำกับดูแลโดยสื่อและสังคม


โฆษกสมาคมนักข่าวแถลงล่าสุด  ต่อท่าทีของ คณิต   ยืนยันขอให้ถอนร่าง  เพราะที่ผ่านมาคณิตพลิกบ่อยครั้ง  ไม่น่าเชื่อถือ  ซ้ำตัวร่างกฎหมายยังคงผิดหลักการเสรีภาพของการกำกับดูแลโดยสื่อและสังคม

 

นายปรัชญาชัย ดัชถุยาวัตร โฆษกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย กล่าวถึงกรณีพล.อ.อ.คณิต สุวรรณเนตร ประธานคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ด้านสื่อสารมวลชน สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประะเทศ(สปท.) ยอมตัดบทบัญญัติเกี่ยวกับการใบอนุญาตประกอบวิชาชีพออก แต่ยังคงเนื้อหาให้มีตัวแทนภาครัฐในสภาวิชาชีพฯ ก่อนการประชุมสปท. เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.การคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ ส่งเสริมจริยธรรมและมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชน พ.ศ... ในวันที่ 1พ.ค.นี้ ว่า องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนยังคงไว้วางใจไม่ได้ว่าการยอมตัดเรื่องผู้ประกอบวิชาชีพออกแล้วมีบทบัญญัติใดมารองรับเพื่อให้มีสภาพบังคับและมีบทลงโทษ เพราะวิธีคิดของกมธ.ชุดนี้มีเจตนาที่จะควบคุมการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนมาตั้งแต่ต้น ด้วยการนำร่างฯของสภาปฏิรูปแห่งชาติมาบิดเบือนเจตนารมณ์จนเกิดการต่อต้านจากสื่อมวลชนและประชาชนมากขึ้น และประธานกมธ.ยังไปกล่าวอ้างว่ามีตัวแทนองค์กรสื่อสนับสนุนให้ออกใบอนุญาตซึ่งเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริงและยังพูดกลับไปกลับมาตลอด

 

โฆษกสมาคมนักข่าวฯกล่าวว่า    แม้จะตัดบทบัญัติดังกล่าวออกไปแต่โครงสร้างของกฎหมายก็ยังผิดหลักการที่ยังคงให้มีตัวแทนภาครัฐอยู่ในสภาวิชาชีพฯไม่ว่าจะมีกี่คนหรือกี่วาระ ก็เท่ากับว่ารัฐยังคงมีบทบาทในการกำกับควบคุมการทำงานของสื่อมวลชนอยู่ดีและจะลิดรอนเสรีภาพของสื่อมวลชนได้เหมือนเดิม ส่วนที่อ้างถึงความจำเป็นของตัวแทนภาครัฐนั้นก็เป็นข้ออ้างที่ฟังไม่ขึ้น เพราะในสภาวิชาชีพอื่นเช่น สภาทนายความ แพทยสภา ที่กมธ.ชุดนี้ยกมากล่าวอ้างก็ไม่มีตัวแทนภาครัฐในสภาวิชาชีพฯดัวกล่าวแต่อย่างใด โดยเฉพาะสื่อมวลชนเป็นวิชาชีพที่ต้องมีอิสระและเสรีภาพรองรับในการทำหน้าที่ จึงไม่มีความจำเป็นที่ตัวแทนรัฐเข้ามาเกี่ยวข้อง ส่วนในคำนิยามของสื่อมวลชนและผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนก็ยังกว้างแบบครอบจักรวาลรุกล้ำไปถึง สื่อดิจิทัล ที่มีรายได้ทั้งทางตรงหรือทางอ้อม หมายความว่า นอกจากสื่อหลักอย่างหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์แล้ว สือออนไลน์ ทั้ง เฟซบุ๊ก เว็บไซต์ อินสตาแกรม ฯ ที่มารายได้ ก็ต้องอยู่ในการควบคุมของกฎหมายฉบับนี้

 

"อย่างไรก็ตามองค์กรวิชาชีพสื่อพร้อมร่วมมือกับทุกภาคส่วนในการปฏิรูปสื่อเพื่อให้มีกฎหมายรองรับกระบวนการพิจารณาด้านจริยธรรมที่มีสื่อมวลชนและสังคมกำกับโดยไม่มีตัวแทนภาครัฐ จึงเรียกร้องให้ถอนร่างกฎหมายฉบับนี้ออกไปก่อนแล้วดำเนินการตามม.77 ของรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่บัญญัติว่าก่อนการออกกฎหมายทุกฉบับรัฐพึงจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของผู้เกี่ยวข้องวิเคราะห์ผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นอย่างรอบด้านอย่างเป็นระบบ ในเมื่อผู้เกี่ยวข้องส่งเสียงท้วงติงมากมายหากยังดันทุรังต่อไปยิ่งจะส่งผลกระทบต่อสังคมอย่างรุนแรงแน่นอน"

 

โฆษกสมาคมนักข่าว กล่าวด้วยว่า ในวันที่1พ.ค.นี้ทางตัวแทนสมาคมนักข่าวฯจะเดินทางไปยื่นหนังสือคัดค้านร่างกฎหมายฉบับนี้ผ่านนายอลงกรณ์ พลบุตร รองประธานสปท.คนที่1 เพื่อให้ถอนร่างฯออกไปก่อน และจะรณรงค์คัดค้านร่างกฎหมายควบคุมสื่อมวลชนและประชาชนอย่างถึงที่สุด

30 เมษายน 2560