คำชี้แจงจากสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย

 

คำชี้แจงจากสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย

กรณี กรรมการบริหารสมาคมฯ ลาออก

ชี้แจงข้อกล่าวหาสมาคมนัีกข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย

 

ตามที่นายเกียรติก้อง ทองเรือง จากหนังสือพิมพ์เอเอสทีวีผู้จัดการได้ประกาศลาออกตำแหน่งกรรมการบริหารสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 9 เมษายน ที่ผ่านมาพร้อมกับให้สัมภาษณ์แสดงความคิดเห็นถึงเหตุผลในการลาออกหลายประการนั้น ทางสมาคมนักข่าวฯ เคารพในการตัดสินใจและการแสดงความคิดเห็นดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม จากการให้สัมภาษณ์ของนายเกียรติก้องที่ระบุว่า "ที่ผ่านมาเราเอเอสทีวีผู้จัดการถูกรังแก ถูกกระทำจากอำนาจป่าเถื่อนจากรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร จนมาถึงสมชาย วงศ์สวัสดิ์ มีความพยายามสั่งปิดหลายครั้งมีการฟ้องศาลปกครอง แต่เราก็ยืนหยัดต่อสู้ตามกระบวนการทางกฎหมายจนได้ชัยชนะและได้รับการคุ้มครองจากการทำหน้าที่สื่อที่ถูกต้องตามกฎหมาย แต่ที่น่าเจ็บปวดก็คือ เราไม่เคยได้รับกำลังใจและการปกป้องจากสมาคมนักข่าวฯเลย มีำหนำซ้ำหลายครั้งที่มองเราว่าไม่ใช่สื่อ

จากข้อกล่าวหาข้างต้น คณะกรรมการสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ขอชี้แจงว่าข้อความการให้สัมภาษณ์ดังกล่าว คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง เพระาที่ผ่านมา สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์ฯ ไม่เคยเลือกปฏิบัติในการแสดงท่าทีต่อการคุกคามสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชนทุกแขนงในทุกรูปแบบ โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับสื่อในเครือเอเอสทีวีนั้น สามารถอ้างอิงได้จากแถลงการณ์ของสมาคมดังต่อไปนี้

-เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2551 สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์ฯ ออกแถลงการณ์เรื่องการคุกคามสื่อในภาวะวิกฤตการเมือง โดยมีเนื้อหาประณามการคุกคามสื่อมวลชน รวมทั้งการใช้อาวุธสงครามยิงถล่มสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวีด้วย

-เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2552 สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์ฯ แถลงการณ์เรื่องให้ตำรวจติดตามจับกุมคนร้ายที่ลอบยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งเครือเอเอสทีวีผู้จัดการ รวมทั้งทางสมาคมนักข่าวฯ ยังได้ส่งผู้แทนนำกระเช้าดอกไม้ไปเยี่ยมให้กำลังใจนายสนธิอีกด้วย

จึงเรียนมาเพื่อชี้แจงให้ทราบโดยทั่วกัน

สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย

12 เมษายน 2553

สมาคมนักข่าว ฯ ห่วงสนธิถูกลอบยิง จี้ตำรวจจับคนผิดมาลงโทษ (17 เมษายน 2551)

ภาย หลังเกิดกรณีการลอบยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล  ผู้ก่อตั้งสื่อในเครือเอเอสทีวีผู้จัดการเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาจนส่งผลให้ กะโหลกศรีษะยุบพร้อมกับมีเลือดคั่งในสมอง และอยู่ในระหว่างการรอผ่าตัดจากแพทย์ของโรงพยาบาลวชิระ ล่าสุดเมื่อเวลา 11.30 น. นายวัสยศ งามขำ รองเลขาธิการฝ่ายสิทธิเสรีภาพและการปฏิรูปสื่อสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์ แห่งประเทศไทยได้นำกระเช้าดอกไม้เข้าเยี่ยมและสอบถามถึงความคืบหน้าอาการบาด เจ็บของนายสนธิ โดยมีนายศรัญยู วงศ์กระจ่าง แกนนำพันธมิตรรุ่นสอง และ น.ส.สโรชา  พรอุดมศักดิ์ ผู้ดำเนินรายการทางสถานีโทรทัศน์เอสเอสทีวีผู้จัดการเป็นตัวแทนเข้ารับ กระเช้าดอกไม้

นายวัสยศกล่าวว่า สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์เป็นห่วงต่อกรณีที่เกิดขึ้นกับนายสนธิ เพราะถือเป็นการกระทำที่อุกอาจและเป็นเหตุการณ์สะเทือนขวัญต่อประชาชนที่ได้รับทราบข่าว สมาคมนักข่าวฯเห็นว่าไม่ว่าจะเป็นความขัดแย้งในกรณีใด ๆ ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะใช้ความรุนแรงและการกระทำที่โหดร้ายเช่นนี้    และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเจ้าหน้าที่ตำรวจควรหาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษให้ได้โดยไวที่สุด

//////////////////////////////////////////////////////////////

 

แถลงการณ์องค์กรวิชาชีพสื่อ

ด้วยแนวโน้มวิกฤตความรุนแรงได้ทวีขึ้นเป็นลำดับ ก่อให้เกิดความแตกแยกแบ่งเป็นฝักเป็นฝ่ายในหมู่ประชาชน โดยแต่ละฝ่ายพร้อมใช้อาวุธทำร้ายต่อกันและกัน ในสถานการณ์เช่นนี้สื่อมวลชนทุกแขนง ทั้งจากหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ มีความยากลำบากในการปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่การชุมนุมของกลุ่มต่าง ๆ ซึ่งมีข้อเท็จจริงที่ยืนยันได้ว่า สื่อถูกคุกคามในรูปแบบต่าง ๆ ไม่เว้นแต่ละวัน แต่ด้วยจิตวิญญาณความเป็นสื่อมวลชน เรายังคงมุ่งมั่นในการปฏิบัติหน้าที่ของตนเอง เพื่อให้เกิดความถูกต้องในบ้านเมือง

ในวิกฤติความขัดแย้งทางการเมืองขณะนี้ เราองค์กรวิชาชีพสื่อซึ่งประกอบด้วย สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ สมาพันธ์นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย และสมาคมเคเบิลทีวีแห่งประเทศไทย ขอเรียกร้องดังนี้

๑. ขอประณามการกระทำความรุนแรงต่อนักข่าว ช่างภาพ ของสื่อมวลชนทุกแขนงในทุกกรณี  อาทิ การข่มขู่ทำร้ายช่างภาพที่บันทึกภาพการปะทะกันระหว่างกลุ่มคนที่มีความขัดแย้งทางการเมือง ที่บริเวณ ซอยวิภาวดี 3 กรุงเทพมหานคร  การข่มขู่คุกคามนักข่าวและช่างภาพที่จังหวัดเชียงใหม่ขณะทำข่าวการทำร้ายชายชราคนหนึ่งจนเสียชีวิตอย่างโหดเหี้ยม การปิดล้อมศูนย์ข่าวภาคเหนือของสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส การใช้อาวุธสงครามยิงถล่มสถานีโทรทัศน์เอ.เอส.ที.วี. จนผู้ดำเนินรายการหวุดหวิดจะได้รับอันตราย การตรวจค้นและตรวจสอบข่าวหรือภาพข่าวของสื่อมวลชนโดยการ์ดพันธมิตรที่สนามบินสุวรรณภูมิ โดยเฉพาะการใช้อาวุธปืนยิงรถถ่ายทอดสัญญาณของสถานีโทรทัศน์ข่าวทีเอ็นเอ็น หรือการบังคับนักข่าวจากหนังสือพิมพ์บางฉบับให้ถอดเสื้อรณรงค์ยุติความรุนแรง รวมทั้งการประกาศให้นักข่าวเอ็นบีทีออกจากพื้นที่การชุมนุม ฯลฯ การกระทำเหล่านี้องค์กรวิชาชีพสื่อไม่อาจยอมรับได้ และถือเป็นการกระทำรุนแรง ขัดขวางการทำหน้าที่สื่อและคุกคามต่อสิทธิเสรีภาพการรับรู้ข่าวสารของประชาชน เราจึงขอเรียกร้องต่อผู้ชุมนุมทุกฝ่ายยุติการกระทำดังกล่าวโดยเด็ดขาด

๒. ไม่ว่าสถานการณ์ความขัดแย้งจะรุนแรงอย่างไร สื่อก็มีหน้าที่ในการนำเสนอข้อเท็จจริงที่รอบด้านทุกแง่ทุกมุมของทุกฝ่าย เพื่อให้ประชาชนนำข้อมูลไปใช้ในการตัดสินใจ จึงขอเรียกร้องให้ผู้ชุมนุมได้ตระหนักและเข้าใจการทำหน้าที่ของสื่อ ทั้งนี้ หากกลุ่มใดคุกคามการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน ย่อมสูญเสียการสนับสนุนจากสาธารณชน

๓. ขอเรียกร้องต่อองค์กรสื่อทุกแขนง ไม่ว่าจะสังกัดไหน มีใครเป็นเจ้าของ ควรทำหน้าที่และบทบาทของตนเองอย่างเหมาะสม ในการเสนอข่าวสารข้อมูลที่ไม่เอนเอียง อคติ เสนอข่าวด้านเดียว ฉาบฉวย หรือปราศจากมูลความจริง หรือเสนอเสนอข่าวที่ปราศจากการตรวจสอบข้อเท็จจริง หรือเสนอความจริงเพียงบางส่วน

ในสถานการณ์ความขัดแย้งแตกแยกอย่างรุนแรงของสังคมขณะนี้ สื่อควรนำเสนอข่าวที่สมดุล รอบด้าน ให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย นักข่าว ผู้ประกาศข่าว และผู้ดำเนินรายการข่าว ต้องทำงานอยู่บนพื้นฐานความเป็นมืออาชีพ ไม่ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลใดๆ ที่จะไปเพิ่มความรุนแรงหรือความขัดแย้งในสังคม โดยเฉพาะเอ.เอส.ทีวี แม้จะเป็นสื่อที่มีจุดยืนเฉพาะตน หรือเอ็น.บี.ที.ซึ่งเป็นสื่อของรัฐ หรือวิทยุชุมชนบางสถานี ต้องคำนึงถึงสถานภาพความเป็นสื่อสารมวลชน ไม่ควรละเลยการนำเสนอข่าวที่เป็นข้อเท็จจริงและตรวจสอบได้ และไม่ควรยอมตนเป็นเครื่องมือทางการเมือง

๔. สำหรับเพื่อนนักข่าวทุกแขนงให้ระมัดระวังการเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่การชุมนุมของกลุ่มต่าง ๆ และต้องตระหนักรู้ตลอดว่า ในพื้นที่การชุมนุมมีอารมณ์ความตึงเครียดของมวลชนเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา นักข่าวอาจตกเป็นเป้าถูกกระทำด้วยความรุนแรง ซึ่งอาจเกิดจากความเข้าใจผิด หรือความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของมวลชน ดังนั้น นักข่าวต้องทำหน้าที่ด้วยความอดทน รอบคอบ ให้หลีกเลี่ยงการตอบโต้และยั่วยุในทุกกรณี

เพื่อให้นักข่าวจากสื่อมวลชนทุกแขนงได้รับความสะดวก มีความปลอดภัยในการปฏิบัติหน้าที่ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ได้จัดทำปลอกแขนให้กับสื่อมวลชนทุกแขนงเพื่อแสดงตนในการเข้าไปทำข่าวในพื้นที่การชุมนุมของฝ่ายต่างๆ  โดยจะแจกผ่านกองบรรณาธิการของสื่อมวลชนแขนงต่างๆ

สุดท้ายนี้ องค์กรวิชาชีพสื่อขอเรียกร้องให้ฝ่ายต่างๆ ที่อยู่ในความขัดแย้งนำมาซึ่งความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อประเทศชาติ ทั้งด้านสังคม เศรษฐกิจ และความมั่นคง ขอให้ทุกฝ่ายในสังคมร่วมกันยุติความรุนแรงที่เกิดขึ้นและร่วมกันหาทางออกโดยสันติวิธี อันเป็นความปรารถนาของคนไทยทั้งมวล

สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ www.presscouncil.or.th

สมาพันธ์นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย www.ctj.in.th

สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย www.tja.or.th

สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย www.thaibja.org

สมาคมเคเบิลทีวีแห่งประเทศไทย

๑ ธันวาคม ๒๕๕๑

///////////////////////////////////

แถลงการณ์ร่วมเรื่อง ให้ตำรวจเร่งติดตามจับกุมคนร้ายที่ลอบยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล

จากกรณีที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งสื่อในเครือเอเอสทีวีผู้จัดการถูกคนร้ายลอบยิงด้วยอาวุธสงคราม บริเวณแยกบางขุนพรหม หน้าวัดเอี่ยมวรนุช เกือบ 100 นัดเมื่อช่วงเช้าวันที่ 17 เมษายนที่ผ่านมา ขณะกำลังเดินทางมาจัดรายการที่สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเอเอสทีวีตามราย ละเอียดที่สื่อมวลชนนำเสนอข่าวแล้วนั้น

สมาคม นักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยและสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย เห็นว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นการกระทำที่อุกอาจ โหดเหี้ยมและป่าเถื่อน เนื่องจากอาวุธที่คนร้ายใช้ลอบสังหารนายสนธิเป็นอาวุธสงครามที่มีอานุภาพใน การทำลายล้างอย่างรุนแรง พร้อมกันนี้ลักษณะในการก่อการเป็นการประสงค์ต่อชีวิตนายสนธิ รวมทั้งมีลักษณะการเตรียมการมาอย่างดี การกระทำของคนร้ายดังกล่าวนอกจากจะมุ่งหวังชีวิตของนายสนธิแล้ว ยังเป็นการซ้ำเติมสถานการณ์การเมืองภายในประเทศมีแนวโน้มนำไปสู่ความรุนแรง มากยิ่งขึ้น ทั้งนี้จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าแม้รัฐบาลจะ ประกาศใช้พระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินแต่คนร้ายกลับไม่ได้ เกรงกลัวต่อกฎหมาย และยังมุ่งท้าทายอำนาจของรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะต้องคุ้มครอง ประชาชนและทำให้สถานการณ์ของบ้านเมืองกลับคืนสู่ความสงบสุขโดยเร็ว

สมาคมวิชาชีพสื่อมวลชนทั้ง 2 องค์กร จึงขอประณามการกระทำของกลุ่มคนร้ายที่ลอบสังหารนายสนธิและขอเรียกร้องให้ผู้ บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สั่งการเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องให้เร่งติดตามจับกุมคนร้ายมาลงโทษตาม กฎหมายโดยเร็ว เพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างในการข่มขู่คุกคามสิทธิเสรีภาพของผู้ประกอบ วิชาชีพสื่อมวลชนต่อไป รวมทั้งต้องแถลงผลความคืบหน้าของคดีต่อสาธารณชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยแก่ชีวิตและร่างกายของประชาชน สื่อมวลชน และประชาชนคนไทยโดยส่วนรวมรวมทั้งการแสดงให้เห็นถึงการทำหน้าที่อย่างมี ประสิทธิภาพของสำนักงานตำรวจแห่งชาติอีกด้วย

สมาคมวิชาชีพสื่อมวลชน ขอยืนยันว่า การทำหน้าที่ของสื่อมวลชนในสถานการณ์ปัจจุบันย่อมสามารถนำเสนอข่าวและแสดง ความคิดเห็นได้อย่างเสรีและแตกต่างกันได้ แต่ต้องอยู่ภายใต้กรอบจริยธรรมของวิชาชีพสื่อมวลชน อย่างไรก็ตาม การดำเนินการใดๆ กับสื่อมวลชนที่แสดงความคิดเห็นที่แตกต่างจะต้องเป็นไปตามกระบวนการของ กฎหมาย และต้องไม่ใช่วิธีการที่โหดเหี้ยมและป่าเถื่อนเช่นที่เกิดขึ้นกับนายสนธิ ลิ้มทองกุล เพื่อให้การทำหน้าที่ของสื่อมวลชนเป็นไปอย่างมีเสรีภาพและปราศจากความหวาด กลัว

 

สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย

สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย

17เมษายน 2552