“คุมเข้ม สกัดแรงงานข้ามชาติไทย-มาเลเซีย ยกระดับป้องกันโควิด อีก 1 พรมแดนที่ไม่ควรมองข้าม”

จากสถานการณ์พื้นที่ชายแดนไทย-มาเลเซีย เจ้าหน้าหน่วยงานความมั่นคง ทหาร และฝ่ายปกครอง ยกระดับคุมเข้มรับมือสถานการณ์การแพร่ระบาด หลังมาเลเซียมีการผลักดันแรงงานข้ามชาติออกนอกประเทศ จากสถานการณ์โควิด-19 ที่รุนแรงขึ้น

“หัวใจหลักของการป้องกันสกัดกั้นการลักลอบเข้ามาของกลุ่มแรงงานข้ามชาติจากมาเลเซีย คือความร่วมมือระหว่างภาครัฐกับชุมชม  หากประชาชนช่วยกันสอดส่องดูแลพื้นที่ของตนเอง ไม่หวังเงินรับจ้างเพียงเล็กน้อยจะสามารถยกระดับควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้อย่างแน่นอน  ซึ่งช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา  เจ้าหน้าที่รัฐมีการสนธิกำลังของชุดรักษาความปลอดภัยออกลาดตระเวน 24 ชั่วโมงในพื้นที่  มาตรการนี้สะท้อนให้เห็นว่า หากไม่มีโควิด-19 ความร่วมมือของชาวบ้านอาจจะไม่มากเท่าปัจจุบัน  เนื่องจากหากติดเชื้อโควิดเพียงหนึ่งคนอาจจะกระทบไปหมด”

สุพิชฌาย์ รัตนะ หัวหน้าศูนย์ข่าวภาคใต้  เนชั่นทีวี   ยอมรับว่า ปีนี้ถือว่าเจ้าหน้าที่ภาครัฐมีมาตรการคุมเข้มการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ดีแตกต่างจากปีที่ผ่านมา  เนื่องจากสถิติของแรงงานข้ามชาติที่ลักลอบข้ามแดนเข้ามาอย่างผิดกฏหมายมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ  โดยเฉพาะพื้นที่อำเภอสุไหงโกลก จังหวัดนราธิวาส  ถือเป็นจุดที่ถูกจับตามองเป็นพิเศษ  เนื่องจากมีแม่น้ำโกลกขวางกั้นระหว่างพรหมแดน ซึ่งช่วงฤดูแล้งปริมาณน้ำจะลดลง  เมื่อน้ำแห้งจะยิ่งเป็นช่องทางให้แรงงานข้ามชาติลักลอบเดินข้ามอย่างง่ายดาย  จึงเป็นประเด็นที่ฝ่ายความมั่นคงมองเห็นช่องว่างตรงนี้ เลยมีการส่งเจ้าหน้าที่ไปลาดตระเวนพื้นที่ตะเข็บชายแดน โดยเฉพาะจุดที่เป็นแม่น้ำโกลกตัดผ่าน

การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19  เฉลี่ยวันละ 6พันคนทำให้ประเทศมาเลเซีย ต้องปิดจุดผ่านแดนมาตั้งแต่เดือนมีนาคม 2563 โดยอนุญาตให้คนไทยเดินทางกลับโดยต้องลงทะเบียนผ่านกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งที่ผ่านมามีการเดินทางกลับของคนไทยมาแล้ว ทางด่านพรมแดนเบตง สุไหงโกลก สะเดา ปาดังเบซาร์ วังประจัน ประมาณ 26,970 คน ซึ่งแนวโน้มการแพร่ระบาด ยังคงทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น ทำให้มีการล็อคดาวน์ และลดการจ้างงาน  โดยมาเลเซียได้ประกาศปิดประเทศ ตั้งแต่วันที่ 13 มกราคม ไปจนถึงวันที่ 1 สิงหาคม 2564 หรือจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น   ทำให้มีกลุ่มขบวนการที่นำพาบุคคลต่างด้าวที่ลักลอบเข้ามาโดยผิดกฎหมาย

กวดขันจับกุมขบวนการนำพาบุคคลต่างด้าวเพิ่มมาตรการป้องกันควบคุมดูแลโดยมีพื้นที่รับผิดชอบ อำเภอตากใบ อำเภอสุไหงโก-ลก และ อำเภอแว้ง จังหวัดนราธิวาส เพิ่มมาตรการในการลาดตระเวน อย่างเข้มข้นทุกตารางนิ้วการเสริมกำลังตามแนวชายแดน เฝ้าระวังป้องกันจุดล่อแหลมที่เป็นช่องทางข้ามแดนตามธรรมชาติทั้งทางบกและทางน้ำ  ปัจจุบันเจ้าหน้าที่มีการจับกุมแรงงานหลบหนีเข้าเมืองถึง 86 ครั้ง ตั้งแต่เดือน ต.ค.2563 ถึงปัจจุบัน จับกุมแรงงานผิดกฎหมายถึง 624 คน และยังมีแนวโน้มที่จะลักลอบเข้าไทยมาเพิ่มอีกอย่างต่อเนื่อง

ก่อนจบสุพิชฌาย์ ยังทิ้งท้ายว่า  การบูรณาการกำลังร่วมกัน ทั้งระหว่างภาครัฐและชุมชน ออกปฏิบัติการค้นหาเชิงรุก  มีการจัดตั้งเครือข่ายภาคประชาชน เฝ้าระวัง เป็นหูเป็นตา ไม่เห็นแก่ประโยชน์เล็กน้อยที่จะได้รับ ช่วยกันสกัดกั้นป้องกันตามแนวชายแดน   ถือเป็นการตัดต้นตอของขบวนการนำพา และเพิ่มประสิทธิภาพในการสกัดกั้นการลักลอบการหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายได้มากยิ่งขึ้น จึงเชื่อว่าประเทศของเราจะสามารถข้ามผ่านวิกฤต โควิด – 19 ระลอกใหม่นี้ได้อย่างแน่นอน

ติดตามรายการ #ช่วยกันคิดทิศทางข่าว ได้ทุกวันอาทิตย์  เวลา 11.00-12.00 น. ทางวิทยุและ Facebook live FM 100.5  MCOT News Network และ Facebook สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย

#ช่วยกันคิดทิศทางข่าว #โควิด19

#สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย

#สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์ฯ #Thaijournalistsassociation