พศ. 2553-เปิดโปงขบวนการฮุบที่ดินเขาแพง-กรุงเทพธุรกิจ

เปิดโปงขบวนการฮุบที่ดินเขาแพง
กองบรรณาธิการ หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ

ปัญหาการบุกรุกที่ดิน และการครอบครองพื้นที่ป่า หรือพื้นที่ป่าไม้ออกเอกสารสิทธิ์ โดยมีกระบวนการข้าราชการและนักการเมืองร่วมด้วย แม้จะไม่ใช่เรื่องใหม่ในสังคมไทย แต่ก็ยังเป็นประเด็นปัญหาที่ต้องการ การติดตามตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้นำไปสู่การแก้ปัญหาและการกระจายตัวของการครอบครองที่ดิน โดยเฉพาะขบวนการครอบครองที่ดินสาธารณะ ป่าไม้ ที่มีนักการเมืองและข้าราชการเข้าไปมีส่วนร่วม

กรุงเทพธุรกิจ ได้เสนอข่าว เปิดโปงขบวนการฮุบที่ดินเขาแพง ในอ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งมีความสำคัญ ที่ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระดับการจัดการปัญหาทรัพยากรที่ดิน และชี้ให้เห็นถึงกระบวนการเข้าครอบครองที่ดินของนักการเมืองโดยความร่วมมือกับข้าราชการท้องถิ่น

ผู้สื่อข่าวได้พบควมผิดปกติของขบวนการดังกล่าวจากความเคลื่อนไหวทางการเมืองของฝ่ายค้าที่เตรียมจะยื่นถอดถอนนายสุเทพ เทือกสุบรรณรองรายกรัฐมนตรี ออกจากตำแหน่งทางการเมือง ในประเด็นการถือครองที่ดินซึ่งได้มาโดยมิชอบในลักษณะนอมินี จึงได้ติดตามตรวจสอบและรวบรวมเอกสารหลักฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งลงพื้นที่เขาแพง ต.แม่น้ำ และต.อ่างทอง อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อพิสูจน์ ข้อเท็จจริงเมื่อได้ข้อมูลครบถ้วน จึงนำเสนอข่าวพาดหัว “พท.ยื่นญัตติซักฟอกวันนี้ ถอดถอนสุเทพปมทิ่ดิน ในวันจันทร์ที่ 24 พฤษภาคม 2553 และตามมาด้วยการเปิดเผยหลักฐานเอกสารต่างๆ ที่รวบรวมได้ในวันถัดมา “เปิดแผลสุเทพรุกเกาะสมุย ออกโฉนดมิชอบ –จัดสรรขาย” ในวันอังคารที่ 25 พฤษภาคม 2553 และนำเสนอข่าวต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลา 5 เดือนปลายเดือนตุลาคม 2553

การนำเสนอข่าวทำให้เห็นกระบวนการรุกพื้นที่ป่า ที่เชื่อมโยงกันระหว่างนักการเมือง ข้าราชการที่เกี่ยวข้องดังนี้

พฤติการณ์ของนักการเมืองได้บุกรุกทรัพยากรธรรมชาติของประเทศ โดยการบุกรุกเขากระทำการออกโฉนดอันเป็นเอกสารสิทธิ์และเตรียมจัดสรรที่ดินขาย โดยจงใจปกปิดและแจ้งบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จในขณะดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดยเฉพาะกรณีนี้มีข้อพิรุธเกี่ยวกับการปกปิดที่ดินให้อยู่ในการครอบครองของบุคคลอื่นในลักษณะตัวแทนถือครองกรรมสิทธิ์โดยทางอ้อมหรือ นอมินีเกี่ยวกับที่ดินเขาแพง อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี

ผู้สื่อข่าวได้ตรวจสอบคู่ขนาน กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยได้ขุดคุ้ยข้อมูลเชิงลึกอย่างต่อเนื่อง ถึงที่มาของที่ดินแปลงที่มีปัญหา โดยติดตามตรวจสอบและสัมภาษณ์นายสามารถ เรืองศรี หนึ่งในหุ้นส่วน หจก. เรืองปัญญา คอนสตรัคชั่น ซึ่งเป็นนายหน้าจัดหา รวบรวมที่ดินให้นักธุรกิจซึ่งเข้าไปลงทุนในพื้นที่ ซึ่งนายสามารถยอมรับว่า ส่วนใหญ่เป็นที่ดินไม่มีเอกสารสิทธิ์และได้นำที่ดินส่วนหนึ่งได้มาขายต่อให้นักการเมือง และเครือญาติรวมถึงแปลงที่มีชื่อนายแทน เทือกสุบรรณ บุตรชายนายสุเทพ เทือกสุบรรณถือครอง

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้นำเอกสารหลักฐานรายการซื้อที่ดินชาวบ้าน จากทายาทนักธุรกิจที่มอบเอกสารการบริจาคที่ดินกว่า 4 พันไร่คืนให้แก่รัฐออกมาเปิดเผย โดยเกือบทั้งหมดเป็นที่ดินที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์ที่นายสามารถ  เรืองศรี รวบรวมมาให้ ซึ่งถือว่าเป็นหลักฐานสำคัญ ที่ยืนยันว่ามีการบุกรุกที่ดินรัฐจริง

กรณีพฤติการณ์ของนักการเมืองที่ใช้อำนาจหน้าที่ในการได้มาซึ่งที่ดินของรัฐครั้งนี้ ตรวจพบว่า มีการทำนิติกรรมการซื้อขายที่ดิน ที่เชื่อว่านายสุเทพ ได้ให้ลูกชายคือ นายแทน เทือกสุบรรณ เป็นตัวแทน ซึ้อและถือครอง ที่ดินแทนตงเองคือ โฉนดเลขที่ 28109 ระวาง 4928 ll 0256 เลขที่ดิน 39 ต.แม่น้ำ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เนื้อที่ 62 ไร่ 1 งาน 97 ตารางวา

กระทั่งขยายผลไปถึงการตรวจสอบ การถือครองที่ดินบนเขาแพงของเครือญาติ คือนายนิพนธ์ พร้อมพันธุ๋ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พี่ภรรยาของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ที่ถูกตั้งข้อสงสัยกรณีได้มาซึ่งเอกสารสิทธิ์ที่ดินโดยมิชอบเช่นเดียวกันกับนายแทน เทือกสุบรรณ ซึ่งต่อมาผู้สื่อข่าว ได้ตรวจสอบโฉนดที่ดินของนายนิพนธ์  ก็ไม่พบต้นขั้วที่มาของที่ดินเช่นกัน

บทสรุปคดีนี้ ได้ระบุถึงการกระทำผิด เกี่ยวกับการบุกรุกที่ดินของรัฐ และป่าไม้ ตามประมวลกฎหมายที่ดิน และพ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ. 2584 ด้วยการออกเอกสารสิทธิ์โดยมิชอบ จากการถือครองที่ดินบริเวณเขาแพง หมู่ที่ 6 ต.แม่น้ำ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎธานี ของนายแทน เทือกสุบรรณ รวมทั้งการตรวจสอบการถือครองที่ดินในบริเวณภูเขาลูกเดียวกัน ที่มีพื้นที่ติดต่อกันของ หจก.เรืองปัญญา คอนสตรัคชั่น ในบริเวณหมู่ที่ 5 ต.อ่างทอง อ.เกาะสมุย ซึ่งเป็นกลุ่มบุคคลเดียวกัน และภายหลังปรากฏนิติกรรม การขายที่ดินให้กับบริษัท ชนาพันธุ์ จำกัด ของนายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์

ประเด็นสำคัญที่พบคือการตรวจสอบความผิดของนักการเมือง ที่ผลสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาที่เกี่ยวกับการครอบครองที่ดินบนเกาะสมุยอีกจำนวนมาก โดยเฉพาะปัญหาการกระทำผิดรัฐธรรมนูญและประมวลกฎหมายที่ดิน โดยเฉพาะประเด็นปัญหาที่พบระหว่างการตรวจสอบกรณีที่ดินเขาแพงคือ

 

กรณีการได้ที่ดินมาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากเป็นที่ดินสาธารณะ มีลักษณะพื้นที่เป็นภูเขา สูงกว่าระดับน้ำทะเลเกินกว่า 200 เมตร และมีความลาดชันเกิน 35 องศา

ข้อสงสัยในการออกเอกสารสิทธิ์ในที่ดินไม่ชอบด้วยกฎหมาย กรณีการออกเอกสารสิทธิในพื้นที่ ที่ไม่มีการครอบครองและทำประโยชน์จริง ส่วนที่ทำประโยชน์จริงเป็นส่วนน้อยซึ่งเกิดจากการบุกรุกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

ปัญหาการใช้เอกสาร ส.ค.1 และน.ส.3ก. เป็นหลักฐานในการขอออกโฉนดที่ดิน ไม่ถูกต้องตามความเป็นจริง และไม่ดำเนินการตามขั้นตอนการออกโฉนดที่ดินโดยชอบ

กระบวนการออกเอกสาร ส.ค. 1 และขอออกเป็น น.ส.3ก. มีเนื้อที่เพิ่มเป็นเท่าตัว แม้แต่ น.ส.3ก. เมื่อออกเป็นโฉนด ก็ยังมีเนื้อที่เพิ่มขึ้นจำนวนมาก เป็นการเปลี่ยนแปลงเนื้อที่ดินที่ไม่ถูกต้องตามความเป็นจริง

 

ผลจากการนำเสนอข่าวทำให้เกิดกระแสการตรวจสอบการรุกที่ดินของนักการเมืองในวงกว้าง โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง องค์กรอิสระ ได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบและดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามอำนาจหน้าที่ ได้แก่ กระทรวงมหาดไทย กรมที่ดิน สำนักงานที่ดินจังหวัดสุราษฎร์ธานี ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กระทรวงยุติธรรม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม คณะกรรมการตรวงเงินแผ่นดิน (สตง.) คณะทำงานติดตามตรวจสอบที่ดินเขาแพงของพรรคเพื่อไทย

 

รวมทั้งคณะกรรมาธิการการกฎหมาย ยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งมีผลสรุปว่านักการเมืองและข้าราชการ กระทำผิดจริง จึงนำไปสู่ขั้นตอนยื่นเรื่องถึงคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตและประพฤติมิชอบ (ป.ป.ช.) และมีการตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงผู้เกี่ยวข้องในขบวนการทั้งหมด