โควิด – 19 เศรษฐกิจซบเซา ทีวีดิจิตอล โดนเต็มๆ ทุกช่องดิ้นหนีตาย

2564 มันจะเป็นปีที่ลำบากอีกแน่นอนสำหรับวงการทีวีดิจิตอล คงหนีไม่พ้น เพราะผลจากโควิด ไม่มีธุรกิจไหนที่ไม่ลำบากเลย ผลกระทบโควิดมันโดนกันถ้วนหน้า สิ่งที่พอมาชดเชยได้ คือได้โฆษณาที่เป็นพวก"อาหารเสริม"ที่นำมานั่งพรีเซนต์กันหน้าจอโทรทัศน์ ....อันนี้คือการดิ้นหนีตายของผู้ประกอบการทีวีดิจิตอล ในสภาวะอย่างทุกวันนี้ ถ้าไม่คว้าตรงนี้ไว้ โฆษณาทั่วไปที่เป็นโฆษณาหลัก ที่ทำเป็นสปอตโฆษณากัน 20-30 วินาที ก็มาลงโฆษณาน้อยลง” 

การป้องกันการแพร่เชื้อโควิด-19 ในประเทศไทย ยังคงต้องติดตามกันต่อไป หลังเมื่อช่วงสายวันพุธที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา วัคซีนล็อตแรก จำนวน 200, 000 โดส จาก บริษัท ซิโนแวค ฯเดินทางมาถึงประเทศไทยแล้ว อย่างไรก็ตาม ไวรัสโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจทุกแขนง รวมถึง”ธุรกิจสื่อมวลชน”ที่ได้รับผลกระทบหนักเช่นกัน

หากมองไปที่สถานการณ์สื่อ"ทีวีดิจิตอล"ที่เป็นสื่อกระแสหลัก ที่มีทั้งช่องวาไรตี้-ช่องข่าว รวมทั้งสิ้น 15 ช่อง โดยเป็นธุรกิจสื่อที่มีเม็ดเงินในการประกอบการแต่ละปีจำนวนมาก รวมถึงเม็ดเงินจากโฆษณาที่แต่ละสถานีได้รับ ที่แม้ปัจจุบันจะมีสื่อโซเชียลมีเดียเข้ามาแบ่งเค้กโฆษณาจากทีวีดิจิตอลไปบ้าง แต่เม็ดเงินโฆษณาในอุตสาหกรรมสื่อทีวีดิจิตอล ก็ยังเป็นเค้กก้อนใหญ่ของวงการสื่อทุกปี 

         ในหนังสือ”วันนักข่าวประจำปี 5 มีนาคม 2564” ของสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ที่จะมีการเผยแพร่ในช่วงเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้ "สุภาพ คลี่ขจาย นายกสมาคมผู้ประกอบการทีวีดิจิตอล-สื่อมวลชนอาวุโสที่มีประสบการณ์การทำข่าวมาโชกโชนทั้งทีวี-หนังสือพิมพ์-วิทยุ"ให้สัมภาษณ์กับกองบรรณาธิการหนังสือวันนักข่าวฯ ถึงสถานการณ์ของธุรกิจทีวีดิจิตอลกับผลกระทบจากโควิดฯ ว่า ในความเป็นจริงแล้ว ทีวีดิจิตอลไม่ได้รับผลกระทบจากผลพวงเรื่องโควิดฯ อย่างเดียว เพราะที่จริงแล้ว ก่อนหน้านี้ที่เกิดกรณีสงครามการค้าระหว่างประเทศ ก็ได้ส่งผลกระทบต่อภาพรวมของเศรษฐกิจ ธุรกิจการค้าในประเทศไทยมาก่อนแล้ว จนเกิดสภาวะความซบเซาทางเศรษฐกิจที่ส่งผลกระทบมาถึงเรื่องโฆษณาที่ลงในสื่อต่างๆ เพราะเวลาตัดค่าใช้จ่ายต่างๆ เวลาบริษัทห้างร้านมีปัญหาทางธุรกิจ จำเป็นต้องลดตัวเลขค่าใช้จ่ายต่างๆ เพราะรายรับมีน้อยลง ซึ่งตัวเลขค่าใช้จ่ายที่ตัดง่ายที่สุดก็คือตัวเลขค่าใช้จ่ายด้านการโฆษณาประชาสัมพันธ์ เมื่อหมวดนี้เจอก่อน สื่อทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นสื่อโทรทัศน์ สิ่งพิมพ์ ก็ต้องโดนก่อน สภาพการหดตัวของโฆษณามีมาตั้งแต่ตอนนั้น       ดังนั้นสภาพเม็ดเงินของโฆษณาในธุรกิจสื่อจึงไม่ได้เกิดขึ้นในช่วงเกิดโควิดรอบแรก แต่มันเกิดขึ้นก่อนหน้านั้นแล้วในช่วงสงครามการค้าสหรัฐกับจีน แล้วมันได้ส่งผลกระทบไปหมดทั้งเรื่องการส่งออก การลงทุน 

         "นายกสมาคมผู้ประกอบการทีวีดิจิตอล"ยอมรับว่า จากสภาพการณ์ปัญหาเศรษฐกิจซบเซาดังกล่าวจนมีผลต่อธุรกิจสื่อตามไปด้วย แต่แค่นั้นยังไม่พอ ก็มาโดนผลพวงจากเรื่องโควิดฯระบาดรอบแรกเมื่อปี 2563 มาซ้ำเติมให้สถานการณ์มันย่ำแย่ลง วงการทีวีดิจิตอล ก็เจอเข้าไปเต็มๆ เรื่องการหาโฆษณาก็ยากลำบากมากขึ้น แล้วพอมาเจอโควิดรอบสอง ผมเข้าใจว่าสถานการณ์ต่อจากนี้ ทำให้เม็ดเงินโฆษณาที่จะมาลงโฆษณาในทีวีดิจิตอล อาจยิ่งหนักเข้าไปอีก เรายังประเมินไม่ได้ว่า เม็ดเงินดังกล่าว จะหายไปสักกี่เปอร์เซนต์ เพราะตอนนี้มันเพิ่งเริ่มต้นปี ซึ่งธุรกิจห้างร้าน จะต่อสัญญาการลงโฆษณาต่อไปอีกหรือไม่ ก็กำลังวิ่งกนอยู่ช่วงเดือนมกราคม 2564 ที่ผ่านไป ก็กำลังตะเกียกตะกายกันอยู่ว่าจะได้ต่อสัญญาโฆษณาหรือไม่ สำหรับลูกค้าเจ้าประจำหรือลูกค้า เจ้าของสินค้ารายใหม่จะหามาได้เพิ่มเติมหรือไม่ ก็เป็นช่วงรอยต่อที่กำลังลุ้นกันอยู่ 

         "โดยการประเมินแล้ว 2564 มันจะเป็นปีที่ลำบากอีกแน่นอนสำหรับวงการทีวีดิจิตอล คนหนีไม่พ้น เพราะผลจากโควิด ไม่มีธุรกิจไหนที่ไม่ลำบากเลย ผลกระทบโควิดมันโดนกันถ้วนหน้า" นายกสมาคมผู้ประกอบการทีวีดิจิตอล ระบุ

         เมื่อถามถึงว่าภาพรวมเม็ดเงินโฆษณาในทีวีดิจิตอลโดยเฉพาะตั้งแต่ปี 2563 ที่มีโควิดฯ ระบาดรอบแรกช่วงกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว  ได้ส่งผลกระทบทำให้เม็ดเงินที่มาลงในทีวีดิจิตอลหายไปมากน้อยแค่ไหน”นายกสมาคมผู้ประกอบการทีวีดิจิตอล ให้ข้อมูลว่า  หายไปมาก สิ่งที่พอมาชดเชยได้ คือได้โฆษณาที่เป็นพวก"อาหารเสริม"ที่นำมานั่งพรีเซนต์กันหน้าจอโทรทัศน์ โดยคนอาจมองว่า ทำไมขายของมากไป เปิดทีวีมาแต่ละช่อง เจอแต่รายการขายของแบบนี้ 

อันนี้คือการดิ้นหนีตายของผู้ประกอบการทีวีดิจิตอล ในสภาวะอย่างทุกวันนี้ ถ้าไม่คว้าตรงนี้ไว้ โฆษณาทั่วไปที่เป็นโฆษณาหลัก ที่ทำเป็นสปอตโฆษณากัน 20-30 วินาทีมันก็มีมาลงโฆษณากันน้อยลง” 

         การหาทางออกโดยให้ช่องขายสินค้า มีโปรโมชั่นขายสินค้า ถึงแม้จะดูยืดเยื้อ ดูรกตาไปบ้าง แต่ขอให้เข้าใจว่านี้คือทางออก ทางอยู่รอดของโทรทัศน์ดิจิตอลในภาวะอย่างนี้มันไม่มีทางเลือกอื่น 

         ...ในช่วงโควิดระบาดรอบแรก ที่คนทำงานมีการ work from home มันก็มีผลทำให้คนมาดูทีวีมากขึ้น แต่มันจะส่งผลต่อเรตติ้งของการชมทีวีแต่ละสถานีมากน้อยแค่ไหน อัตราการเพิ่มของเรตติ้งอาจไม่มาก แต่ทางคนทำทีวีก็รู้ว่า การติดตามชมทีวีของประชาชนมันขยับขึ้น เพราะคนอยู่บ้านกันมากขึ้น รายการโทรทัศน์ก็พยายามปรับตัว ช่วงกลางวันที่คนอยู่บ้านมากขึ้น จะมีการปรับผังรายการกันอย่างไรเพื่อเอาใจคนอยู่บ้าน จากเมื่อก่อนกลุ่มคนที่อยู่บ้านก็คือแม่บ้าน แต่ต่อจากนี้ไป คนที่อยู่บ้านก็คือ คนทำงาน ที่ทางสถานีแต่ละแห่งก็ต้องคิดว่า คนทำงานเขาต้องการอยากดูทีวีรายการอะไร ก็ต้องไปเพิ่มเนื้อหาเพิ่มส่วนที่เป็นสาระมากขึ้น จากปกติที่รายการช่วงกลางวัน จะเป็นเช่น ละครนำมารีรัน รายการตลกคลายเครียด รายการประกวดร้องเพลง ก็พบว่าช่วงโควิด บางสถานีก็มีการปรับผังรายการเพื่อให้กลุ่มคนทำงานที่ work from home ได้เข้ามาติดตามดูทีวีด้วย เพิ่มส่วนที่เป็นสาระในรายการภาคกลางวันเข้าไปมากขึ้นในช่วงโควิดระบาด 

         ส่วนสถานการณ์การชุมนุมทางการเมืองของม็อบที่เริ่มต้นชุมนุมต่อเนื่องตั้งแต่ ตุลาคม 2563 พบว่า ไม่มีผลต่อโฆษณาในทีวีดิจิตอล แต่พบว่า การชุมนุมของม็อบบางช่วงเวลา ยิ่งทำให้มีคนมาดูทีวีกันมาก ทำให้เรตติ้งคนเข้ามาติดตามข่าวการเคลื่อนไหวของม็อบในทีวีดิจิตอลมีมากขึ้นในช่วงการชุมนุม  แล้วทำให้หาโฆษณาได้มากขึ้นด้วยซ้ำไป 

         ..ส่วนที่แต่ละช่องมีการทำ Facebook Live การชุมนุมทางการเมือง ที่จะทำเพิ่มไปจากรายการข่าวหรือรายการของช่องตามปกติ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกของแต่ละสถานี เพราะบางทีเวลาในทีวีมันไม่พอ เขาก็ให้ไปติดตามต่อในเฟซบุ๊ก  ที่มีเวลาถ่ายทอดไลฟ์ได้ตลอด แล้วก็ทำให้สถานีก็มีรายได้ตามมาด้วยจากโฆษณา ทุกช่องก็ต้องทำหมด ก็เป็นหนึ่งในกระบวนการปรับตัว เพราะบุคลากร-ต้นทุนการทำข่าว มันคงที่อยู่แล้ว ก็เพียงแต่ขยายผลการขายเพิ่มเติมเข้าไป โดยเอาต้นทุนเดิม บุคลากรเดิม มาเป็นต้นทุน ก็เป็นเรื่องที่ก็ทำกันทุกช่อง 

         -จากปัญหาเรื่องสภาวะเศรษฐกิจโดยเฉพาะผลพวงจากโควิดฯ ที่หลายภาคส่วนในระบบเศรษฐกิจได้รับผลกระทบไปตามกัน แล้ววงการทีวีดิจิตอล แต่ละแห่งมีการปรับการบริหารงานเพื่อรองรับสถานการณ์ไหมเช่น ลดค่าใช้จ่าย เลิกจ้างพนักงาน ?

         เรื่องลดค่าใช้จ่าย สถานีโทรทัศน์ดิจิตอล แต่ละแห่งมีการขยับกันมานานแล้ว แต่จะถึงขั้นเอาคนนอก ผมว่าไม่ค่อยมี เพราะก่อนหน้านี้ช่วงที่ผ่านมา หลายสถานีมีการรีดไขมันไปเยอะแล้ว คือพวกกลุ่มคนที่เป็นส่วนเกิน แต่ละช่องก็จะเหลือคนที่ทำงานหลักๆ ก็ทำให้แต่ละช่อง การเอาคนนอก ช่วงตั้งแต่ต้นปี 2564 จากนี้ไป คงไม่ค่อยจะมี เพราะแต่ละฝ่ายก็ต้องแบกรับอะไรกันต่างๆ ก็ต้องเข้าใจซึ่งกันและกัน มาเอาคนนอกช่วงสถานการณ์แบบนี้ ก็เท่ากับให้เขาไปตาย เพราะเขาจะไปหางานทำที่ไหน 

         เมื่อถามถึงหากสุดท้าย สถานการณ์โดยรวมของทีวีดิจิตอล ไม่ดีขึ้น จากผลกระทบด้านต่างๆ จำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากภาครัฐหรือไม่ "นายกสมาคมผู้ประกอบการทีวีดิจิตอล"ออกตัวว่า คงไม่ต้องเพราะเคยได้รับความเข้าใจเห็นใจจากภาครัฐมาแล้ว ที่ให้เรื่องใหญ่มาคือ เรื่องการไม่คิดใบอนุญาตในช่วงที่เหลือกับลดค่าโครงข่ายลงมาครึ่งหนึ่งที่เป็นสองมาตรการหลักที่ออกมาช่วยเหลือที่ทำออกมาแล้ว เราพอใจในส่วนนั้นแล้ว ส่วนที่เหลือต่อจากนี้ หากมันจะเกิดอะไรขึ้น ก็ตะเกียกตะกาย ปากกัดตีนถีบสู้กันไป คงไม่ไปรบกวนอะไร

         -ประเมินว่า สถานการณ์ธุรกิจสื่อทีวีดิจิตอลในภาพรวมตลอดทั้งปี 2564 จะเป็นอย่างไร หากปัจจัยต่างๆ เช่นเรื่องโควิดฯ ยังไม่หายไปหมด?

         ประเมินยากมาก แต่ผมคิดว่าทีวีดิจิตอล 15ช่องที่เหลืออยู่ เขาคงสู้ได้ในช่วงเวลา 8-9 ปี ที่ยังมีสัญญาสัมปทานเหลืออยู่ แต่ละค่ายคงพอสู้ไหว โควิด คงไม่น่าจะทำให้เกิดปัญหาอะไรไปอีกนานหลังมีการเริ่มฉีดวัคซีน ปัญหาจากโควิดน่าจะหมดไป ต้องไปต่อสู้กับเรื่องสภาวะเศรษฐกิจต่อไป ที่ผมก็ยังเชื่อว่าแต่ละสถานีเขาสู้ต่อไปได้ ผมคิดว่า 15 ช่องที่เหลืออาจจะมีการปรับเปลี่ยนทุน อาจมีการขายหุ้น ผู้ถือหุ้นในบริษัทเจ้าของสถานี รายเก่าอาจออกไปแล้วมีผู้ถือหุ้นรายใหม่เข้ามาแทน แต่เรื่อง จอมืด จอดำ ปิดฉาก เก็บจอ ผมคิดว่าคงไม่มีอีกแล้ว ยังเชื่อว่าทุกช่องจะอยู่กันครบ 

         ส่วนเรื่องสภาวะ ดิสรัปชั่นวงการสื่อ เราก็สู้กันมาจนชินแล้ว จริงๆ แล้วยอดขายโฆษณาที่เฉลี่ยไปยังสื่อแพลตฟอร์มอื่นๆ ก็ไม่ได้มีผลกระทบมากเท่าไหร่กับทีวีดิจิตอล เพราะคนในวงการโฆษณายังบอกกันมาเองว่า สุดท้ายขึ้นมาจริง ๆการลงโฆษณาในสื่อกระแสหลัก ก็ยังมีผลต่อยอดขายมากกว่าอยู่ดี 

         "สำหรับช่องข่าว ทีวีแต่ละช่องสถานการณ์ขณะนี้ยังดีอยู่ ทุกช่องอยู่ได้หมดยืนยันว่า ทีวีดิจิตอลทั้ง 15 ช่องเวลานี้ทุกช่องยังอยู่ได้หมด ทั้งช่องข่าว ช่องวาไรตี้ ในสถานการณ์ขณะนี้" 

#สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย

#สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์ฯ #Thaijournalistsassociation

#จุลสารราชดำเนิน