B-4-1-2551-20_กระชากหน้ากาก ผศ.หื่นขออึ๊บ นศ.สาว แลกเกรด-ไทยรัฐ

รหัส B-4-1-2551-20

ชื่อข่าว_กระชากหน้ากาก ผศ.หื่นขออึ๊บ นศ.สาว แลกเกรด

เจ้าของ-ไทยรัฐ

ประจำปี พศ. 2551

ชื่อข่าว กระชากหน้ากากผศ.หื่น  ขออึ๊บนศ.สาวแลกเกรด
ประเภท ข่าวยอดเยี่ยม
กองบรรณาธิการ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข้อเท็จจริงของข่าว

 จากสถิติอาชญากรรมพบว่า การคุกคามทางเพศต่อเด็กและสตรี ส่วนใหญ่เกิดจากคนใกล้ตัว อาทิ เพื่อน ครู อาจารย์ คนรู้จัก แม้แต่คนในครอบครัว ซึ่งผู้เสียหายจำนวนมากไม่กล้าเข้าแจ้งความเอาเรื่อง อาจเพราะกลัวหรืออับอาย ยิ่งส่งผลให้ผู้กระทำย่ามใจ ไปลงมือก่อกรรมทำเข็ญสร้างตราบาปให้กับผู้อื่นอีก 

  มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี สถาบันอุดมศึกษาชื่อดังของจังหวัด มีอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญในสาขาวิชาต่างๆ เป็นผู้ประสิทธิ์ประสาทความรู้ให้กับศิษย์ แต่ไม่น่าเชื่อว่าที่นี่จะมีอาจารย์ชายนายหนึ่ง มีตำแหน่งทางวิชาการระดับ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ที่ฉากหน้าเป็นหนุ่มใหญ่ใจดี มีเมตตา มีคุณธรรม น่าเคารพนับถือ แต่ฉากหลังกลับมีพฤติกรรมผิดศีลธรรม คอยจ้องตักตวงความสำราญจากเรือนร่างนักศึกษาสาว เพื่อใช้ระบายความใคร่และความหื่นกระหายตัณหา

  ที่ผ่านมาเคยมีนักศึกษาสาวตกเป็นเหยื่อมาแล้วหลายราย และเคยมีคนใจกล้าร้องเรียนไปยังฝ่ายบริหาร แต่กลับไม่มีการดำเนินการใดๆ ว่ากันว่าเขาคนนี้เส้นใหญ่ ทำให้อาจารย์หื่นกามรายนี้ยิ่งได้ใจ ใช้อำนาจหน้าที่ข่มขู่บังคับลูกศิษย์สาวคนหนึ่งที่ตัวเองหลงใหล ให้ยอมพลีกายแลกกับการได้เกรดดีๆ เมื่อเด็กสาวไม่ยอมตกหลุมพลางในเทอมแรกที่ลงทะเบียนเรียนด้วย อาจารย์คนนี้ก็จงใจกดเกรดวิชาของนักศึกษาผู้นั้นให้ต่ำกว่าเพื่อนร่วมชั้น ทำให้เด็กสาวต้องทนกล้ำกลืนความขมขื่นในสิ่งที่ผู้ได้ชื่อว่าอาจารย์ยัดเยียดให้

  กระทั่งในเทอมต่อมา เด็กสาวจำต้องลงทะเบียนเรียนในรายวิชากับอาจารย์ชายผู้นี้อีกครั้ง คราวนี้เหยื่อถูกรุกรานหนักขึ้น มีทั้งการโทรศัพท์เข้ามือถือพูดจาแทะโลม และขอมีเพศสัมพันธ์ดื้อๆ หรือหากสบโอกาส เด็กสาวผู้น่าสงสารก็จะถูกอาจารย์คนนี้ ลวนลามเรือนร่างอยู่บ่อยครั้งจนไม่อยากไปเรียนหนังสือ เมื่อสุดจะทนพฤติกรรมของอาจารย์ตัณหากลับ เหยื่อกามต้องยอมแบกความอับอาย เข้าร้องเรียนกับผู้สื่อข่าวไทยรัฐ ประจำจังหวัดอุบลราชธานี เพื่อให้ช่วยเปิดโปงพฤติกรรมของอาจารย์รายนี้ให้สังคมได้รับรู้

  ทันทีที่ผู้สื่อข่าวไทยรัฐ รับรู้เรื่องราวอื้อฉาวคาวโลกีย์ดังกล่าว จึงได้มีการตรวจสอบในทางลับกลับไปยังต้นตอของแหล่งข่าวว่า มีข้อเท็จจริงและมีมูลมากน้อยเพียงใด เนื่องจากเรื่องในทำนองนี้อาจเป็นการกลั่นแกล้งทำให้อาจารย์ชายคนนั้นได้รับความเสียหายและเสื่อมเสียชื่อเสียง

  จนกระทั่งได้ข้อมูลแน่ชัดว่าไม่ใช่เรื่องโคมลอย หรือเป็นการแบล็กเมล์ของทางฝ่ายหญิง เพราะผู้เสียหายมีตัวตนจริงและพร้อมจะเปิดเผยตัว รวมทั้งจะขอดำเนินคดีกับอาจารย์คนนี้ให้ถึงที่สุด เพื่อไม่ให้เพื่อนๆหรือรุ่นน้องต้องตกเป็นเหยื่ออีก ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวยังได้รับรู้ข้อมูลที่น่าตกใจมาอีกว่า อาจารย์ชายรายนี้มีพฤติกรรมฉาวโฉ่ทางเพศไม่เฉพาะกับนักศึกษาหญิงเท่านั้น แม้แต่นักศึกษาชายที่หน้าตาดี หรือมีท่าทางกระตุ้งกระติ้ง ตุ๊ด เกย์ ก็เคยสนองตัณหาแลกเกรดมาแล้วเช่นกัน ทั้งที่อาจารย์คนนี้ก็มีลูกมีเมียแล้ว

  เมื่อรู้ว่าจะต้องทำข่าวเชิงสืบสวนสอบสวนในเรื่องชู้สาว ผู้สื่อข่าวได้อธิบายขั้นตอนให้ผู้เสียหายทราบว่า หากต้องการจะกระชากหน้ากากอาจารย์รายนี้ให้สังคมได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริง ผู้เสียหายอาจต้องยอมเปลืองตัวเพื่อเก็บหลักฐานไปใช้ดำเนินการทางกฎหมาย รวมทั้งจะต้องแบกรับแรงกดดันจากสังคมรอบข้างหลายอย่าง ซึ่งผู้เสียหายยินยอม

  ผู้สื่อข่าวจึงจัดหาอุปกรณ์บันทึกภาพขนาดเล็ก ที่สามารถซ่อนไว้ได้ในเสื้อผ้าและกระเป๋าถือสตรี เพื่อใช้ในการเก็บภาพเด็ดใช้เป็นหลักฐานมัดตัวผู้กระทำความผิด พร้อมประสานตำรวจ สภ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี ร่วมวางแผนดำเนินการเพื่อความปลอดภัยของผู้เสียหาย โดยรอจนกระทั่งอาจารย์หื่นคนนี้โทรศัพท์ติดต่อขอให้ผู้เสียหายไปพบในห้องทำงานที่มหาวิทยาลัย เพื่อพูดคุยตกลงเรื่องเกรดวิชา และได้ลวนลามนักศึกษาสาว ผู้สื่อข่าวจึงได้ถ่ายบันทึกภาพและเสียงไว้เป็นหลักฐาน

วิธีการนำเสนอ

  หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ฉบับวันที่ 29 มิถุนายน 2551 เริ่มตีแผ่ข่าวฉาวโฉ่เขย่าวงการศึกษาดังกล่าวเป็นฉบับแรกและฉบับเดียวในวันนั้น โดยพาดหัวยักษ์ว่า ซ้อนแผนแอบถ่าย ผศ.ฉาว ขออึ๊บนศ.แลกเกรด  พร้อมลงภาพขึ้นหน้า 1 เป็นภาพแอบถ่ายขณะที่ ผศ.จักรฤทธิ์ อุทโธ อายุ 41 ปี อาจารย์คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี กำลังใช้มือโอบกอดและลวนลามบริเวณหน้าอกของ น.ส.เฟิร์น (นามสมมติ) อายุ 21 ปี นักศึกษาปี 3 คณะบริหารศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ผู้เสียหาย เหตุเกิดในห้องทำงานของ ผศ.จักรฤทธิ์ บนตึกคณะศิลปศาสตร์ ภายในมหาวิทยาลัยดังกล่าว

  ทั้งนี้ ในเนื้อข่าวรายงานว่า ผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษกับพนักงานสอบสวน สภ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี เพื่อให้ดำเนินคดีกับ ผศ.จักรฤทธิ์ ในข้อหากระทำอนาจารแก่บุคคลอายุกว่า 15 ปี โดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ หลังถูกอาจารย์ชายคนนี้ ลวนลามและขอมีเพศสัมพันธ์ด้วยเพื่อแลกเกรด อย่างไรก็ตามหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ก็ได้นำเสนอข่าวทั้งสองด้านเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย โดยติดต่อ ผศ.จักรฤทธิ์ เพื่อขอให้ชี้แจงข้อเท็จจริง แต่ได้รับการปฏิเสธที่จะพูดคุย

  หลังตกเป็นข่าวครึกโครมไปทั่วประเทศ ทางมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ต้นสังกัด ได้ตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงเพื่อดำเนินการกับ ผศ.จักรฤทธิ์ โดยขั้นแรกได้สั่งพักราชการไว้ชั่วคราว แต่ผ่านไปนานนับสัปดาห์ ผลการสอบสวนก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้าเป็นชิ้นเป็นอัน จนมีการวิพากษ์วิจารณ์กันว่า อาจกลายเป็นมวยล้มต้มคนดูเหมือนครั้งที่แล้วๆ มา ขณะเดียวกันผู้เสียหายก็ได้รับการต่อว่าต่อขานจากอาจารย์และเพื่อนๆในรั้วมหาวิทยาลัย รวมทั้งคนในสังคมทั่วไปว่า อยากดัง และต้องการแบล็กเมล์ขอเงิน

  ขณะที่คดีเริ่มจะพลิกกลับ เมื่อหัวหน้าพนักงานสอบสวนได้มอบหลักฐานสำคัญทางคดีให้กับพรรคพวกของผู้ถูกกล่าวหา ส่งผลให้ผู้เสียหายได้รับการกดดันจนเกิดความเครียดเพราะถูกข่มขู่ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ จึงต้องนำเสนอข่าวอย่างต่อเนื่องชนิด เกาะติด-กัดไม่ปล่อย และลงพื้นที่ขุดคุ้ยข้อมูลโดยไม่เกรงกลัวอิทธิพลใดๆ พร้อมนำพฤติกรรมฉาวทั้งหมดมาเปิดโปงให้สังคมได้รับรู้ กระทั่ง ผศ.จักรฤทธิ์ ยอมเข้ามอบตัวรับทราบข้อหาอนาจาร และถูกสอบสวนดำเนินคดีไปตามขั้นตอน ซึ่งคดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาล

  สำหรับผลของการกระทำที่ ผศ.จักรฤทธิ์ ก่อขึ้นกับลูกศิษย์สาวของตน ในที่สุดทางต้นสังกัดได้มีคำสั่งไล่ออกจากราชการเพราะประพฤติชั่วร้ายแรง เมื่อวันที่ 23 ก.ค. 2551 และถูกชงเรื่องเสนอ ป.ป.ช. เพื่อให้ชี้มูลความผิด กรณีนี้ ผศ.จักรฤทธิ์ อาจจะเข้าข่ายความผิดทางอาญา มาตรา 157 ฐานเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจหรือจูงใจให้ผู้อื่นมอบให้ซึ่งประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือไม่ หากเข้าข่ายดังกล่าว อาจารย์หื่นรายนี้มีหวังติดคุกหัวโต ด้านหัวหน้าพนักงานสอบสวนที่พยายามเข้ามาเปลี่ยนแปลงผลแห่งคดี ก็ถูกคำสั่งย้ายไปช่วยราชการ ไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับคดีนี้อีกต่อไป ส่วน น.ส.เฟิร์น ผู้เสียหาย เริ่มได้รับการปกป้องและเห็นใจจากสังคมมากขึ้น จนกล้าจะกลับไปเรียนหนังสือและใช้ชีวิตตามปกติ

ผลกระทบของข่าว

  หลังมีการนำเสนอข่าวอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เกิดการเคลื่อนไหวในขั้นปฏิบัติจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการตรวจสอบพฤติกรรมล่วงละเมิดทางเพศของอาจารย์ ที่ประพฤติปฏิบัติต่อนักเรียน-นักศึกษาเพิ่มมากขึ้น มีการเปิดเว็บไซด์เพื่อรับร้องเรียนพฤติกรรมฉาวโฉ่ในแวดวงการศึกษาโดยเฉพาะ รวมทั้งมีคำสั่งจากกระทรวงศึกษาธิการ ให้ขึ้นแบล็คลิสต์ หรือ บัญชีดำ กับครู-อาจารย์ ที่ชอบล่วงละเมิดทางเพศกับเด็ก เพื่อไม่ให้กลับไปสอนหนังสือได้อีกตลอดชีวิต อันจะเป็นการยกระดับวงการแม่พิมพ์ของชาติ ให้มีความขาวสะอาด ไม่ต้องแปดเปื้อนคราบคาวโลกีย์อีกต่อไป

  ขณะเดียวกัน ยังส่งผลในเชิงจิตวิทยา ได้กระตุ้นให้สังคมตระหนักถึงสิทธิและเสรีภาพในร่างกายของตน จะต้องไม่ยินยอมให้ใครมาล่วงละเมิดได้โดยง่าย และหากถูกกระทำย่ำยีก็จะต้องลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อรักษาสิทธิเสรีภาพดังกล่าว อีกทั้งสังคมยังต้องช่วยกันปกป้องผู้เสียหายด้วยเช่นกัน